หัวเถิก เกิดจากอะไร? สัญญาณเตือนศีรษะล้าน วิธีรักษาก่อนสายเกินแก้

หัวเถิก

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

“หัวเถิก” เป็นปัญหาเรื่องผมที่ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิดครับ หลายคนอาจมองว่าเป็นแค่หน้าผากกว้าง แต่จริงๆ แล้วอาการหัวเถิกเกิดจากแนวไรผมร่นสูงขึ้น และในบางกรณีเส้นผมก็บางลงไปด้วย ทำให้หลายคนเริ่มกังวลกับภาพลักษณ์ของตัวเอง วันนี้หมอจะมาอธิบายว่าสาเหตุของหัวเถิกเกิดจากอะไร และมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยแก้ไขหรือชะลออาการนี้ได้ เพื่อให้คุณรับมือได้ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามครับ!

หัวเถิกคืออะไร?

หัวเถิกคือภาวะที่แนวไรผมร่นสูงขึ้นกว่าปกติ ทำให้หน้าผากดูกว้างขึ้นครับ บางคนอาจสังเกตว่าผมด้านหน้าถอยร่นไปเรื่อยๆ หรือเริ่มเห็นแนวผมเป็นรูปตัว M หรือรูปตัว U ชัดเจนขึ้น สำหรับบางคนอาจมาพร้อมกับผมที่บางลง ทำให้ดูเถิกมากกว่าเดิมครับ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะผมร่วงที่อาจนำไปสู่ศีรษะล้านในอนาคตได้ครับ

สาเหตุของอาการหัวเถิกคืออะไร?

ทำไมแนวผมถึงร่นขึ้นเรื่อยๆ หรือทำไมบางคนหัวเถิกตั้งแต่อายุยังน้อย หัวเถิกไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่มๆ แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลโดยตรง มาดูกันครับว่าสาเหตุของหัวเถิกมีอะไรกันบ้าง

  1. กรรมพันธุ์
    ถ้าคนในครอบครัว เช่นพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายมีอาการหัวเถิก โอกาสที่คุณจะเป็นก็สูงขึ้นครับ เพราะลักษณะของแนวผมและความแข็งแรงของรากผมสามารถถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมได้ บางคนอาจเริ่มสังเกตว่าผมร่นขึ้นตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆได้ และถ้าไม่ได้รับการดูแล อาการอาจลามไปจนถึงศีรษะล้านได้
  2. ฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone)
    ฮอร์โมนตัวนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วงในผู้ชายครับ มันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชาย Testosterone และจะเข้าไปจับกับรูขุมขน ทำให้เส้นผมอ่อนแอลง บางลง และหลุดร่วงง่ายขึ้น คนที่มีระดับ DHT สูงมักจะมีแนวผมร่นเป็นรูปตัว M หรือรูปตัว U และอาการจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
  3. อายุที่เพิ่มขึ้น
    เมื่ออายุมากขึ้นวงจรชีวิตของเส้นผมจะสั้นลง ผมใหม่ที่งอกขึ้นมาจะบางลงกว่าเดิม และในบางกรณี รูขุมขนอาจปิดตัวจนไม่สามารถสร้างเส้นผมใหม่ได้ ทำให้แนวผมค่อยๆ ร่นขึ้น อาการนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่จะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วยครับ
  4. ความเครียด
    หลายคนอาจไม่รู้ว่าความเครียดสามารถเร่งให้หัวเถิกได้จริงๆ ครับ เมื่อร่างกายเครียดมากๆ จะมีการหลั่งฮอร์โมน Cortisol ซึ่งมีผลต่อการไหลเวียนเลือดไปยังรากผม ถ้ารากผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ผมก็จะเริ่มบางลงและร่นขึ้นได้ คนที่เครียดหนักๆ เป็นเวลานาน อาจสังเกตว่าผมร่วงเยอะผิดปกติ หรือแนวผมเริ่มถอยขึ้นเร็วกว่าที่ควร
  5. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
    สิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวันก็มีผลต่อเส้นผมมากกว่าที่คิดครับเช่น การรับประทานอาหารที่ขาดสารอาหารสำคัญอย่างโปรตีน ธาตุเหล็ก และไบโอติน การใช้สารเคมีแรงๆ กับเส้นผมเช่น น้ำยาย้อมผม เจลแต่งผม หรือการสระผมบ่อยเกินไปก็สามารถทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้ การมัดผมแน่นเกินไปหรือดึงผมบ่อยๆ ก็อาจทำให้แนวผมร่นขึ้นจากแรงดึงที่มากเกินไป
  6. โรคหรือภาวะทางสุขภาพ
    บางคนอาจหัวเถิกจากปัญหาสุขภาพที่มองไม่เห็นเช่น โรคไทรอยด์ผิดปกติ โรคโลหิตจาง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง ซึ่งส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอลงและร่วงเร็วกว่าปกติ ถ้าหัวเถิกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ หรือมีอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ

ลักษณะของอาการหัวเถิก

อาการหัวเถิกเป็นสิ่งที่หลายคนอาจไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรกเพราะการเปลี่ยนแปลงของแนวผมมักเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนเมื่อเวลาผ่านไปแนวผมด้านหน้ากลับร่นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หน้าผากดูสูงขึ้น หรือในบางกรณี อาจเริ่มเห็นว่าผมบางลงในบริเวณข้างๆ หรือกลางศีรษะ ซึ่งทำให้เส้นผมดูไม่หนาแน่นเหมือนเดิม เรามาดูกันครับว่าอาการหัวเถิกมีลักษณะอย่างไรบ้าง

1. แนวไรผมร่นสูงขึ้นกว่าปกติ

ลักษณะเด่นที่สังเกตได้ง่ายที่สุดคือแนวผมที่เคยอยู่ต่ำ ค่อยๆ ถอยร่นไปทางด้านหลัง ซึ่งทำให้หน้าผากดูกว้างขึ้น หากย้อนกลับไปดูรูปเก่าๆ จะเห็นได้ชัดว่าแนวผมในอดีตอยู่ต่ำกว่าปัจจุบัน

2. แนวผมเริ่มเป็นรูปตัว M หรือ U

เมื่ออาการหัวเถิกเริ่มชัดเจนขึ้น แนวผมด้านหน้าจะไม่ร่นขึ้นเท่ากันทั้งแถบ แต่มักจะเว้าลึกขึ้นบริเวณขมับ ทำให้เกิดเป็นแนวผมรูปตัว M โดยเฉพาะในผู้ชาย ส่วนบางคนอาจร่นขึ้นเป็นแนวโค้งคล้ายตัว U ซึ่งเกิดขึ้นทั้งบริเวณกลางหน้าผากและขมับ ทำให้ภาพรวมดูเหมือนว่าหน้าผากกว้างขึ้นมาก

3. ผมบริเวณขมับบางลงอย่างเห็นได้ชัด

หนึ่งในจุดที่อาการหัวเถิกเริ่มปรากฏให้เห็นคือบริเวณขมับ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเว้าๆ และผมในบริเวณนี้จะบางลงเรื่อยๆ บางคนอาจสังเกตได้ว่าผมขึ้นช้าลงหรือเส้นผมที่ขึ้นใหม่มีขนาดเล็กและบางกว่าปกติ ทำให้ขมับดูโล่งขึ้นกว่าก่อน

4. เส้นผมเริ่มบางลงและมีขนาดเล็กลง

ปกติแล้ว เส้นผมของคนเราจะมีขนาดที่แตกต่างกันไปตามกรรมพันธุ์ แต่เมื่ออาการหัวเถิกเริ่มเกิดขึ้น เส้นผมบริเวณแนวหน้าจะค่อยๆ มีขนาดเล็กลงหรือที่เรียกว่า “ผมเส้นลูกอ่อน” ซึ่งเป็นผมที่อ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่าย หากลองจับดู อาจรู้สึกว่าผมบริเวณหน้าผากไม่แข็งแรงเหมือนบริเวณอื่นของศีรษะ

5. หนังศีรษะเริ่มมองเห็นได้ง่ายขึ้น

เมื่อเส้นผมเริ่มบางลง รูขุมขนที่เคยมีเส้นผมหนาแน่นปกคลุมจะเริ่มโปร่งขึ้น ส่งผลให้หนังศีรษะบริเวณแนวผมด้านหน้าหรือขมับมองเห็นได้ชัดขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อโดนแสงแดด หรือเวลาส่องกระจกในที่ที่มีแสงจ้า

6. มีอาการผมร่วงมากกว่าปกติ

อาการหัวเถิกมักจะมาพร้อมกับภาวะผมร่วงที่มากขึ้น คนที่กำลังมีอาการนี้อาจสังเกตเห็นว่าเส้นผมร่วงเยอะขึ้นเวลาสระผมหรือหวีผม และในบางกรณี อาจพบเส้นผมติดหมอนหรือตกตามพื้นมากขึ้น หากปล่อยไว้นาน ผมที่ร่วงไปอาจไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ ทำให้แนวผมดูบางลงอย่างชัดเจน

หัวเถิก สัญญาณเตือนนำไปสู่หัวล้าน

อาการหัวเถิกอาจดูเป็นเรื่องปกติของอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว หัวเถิกอาจเป็นสัญญาณแรกของภาวะศีรษะล้านถาวร หากไม่รีบดูแล แนวผมที่ร่นขึ้นอาจค่อยๆ ขยายวงกว้างจนสุดท้ายกลายเป็นผมบางทั่วศีรษะหรือศีรษะล้านในบางจุดได้

หัวเถิกบอกอะไรเกี่ยวกับภาวะหัวล้าน?

🔹 แนวผมร่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง – ถ้าสังเกตว่าแนวไรผมขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณขมับหรือกลางหน้าผาก นี่อาจเป็นสัญญาณว่ารากผมเริ่มอ่อนแอลงและอาจไม่สามารถสร้างเส้นผมใหม่ได้ดีเหมือนเดิม

🔹 เส้นผมบางลงและเล็กลง – ไม่ใช่แค่แนวผมร่นขึ้น แต่หากผมบริเวณดังกล่าวเริ่มมีเส้นที่เล็กลง เบาบางลงหรือกลายเป็นขนอ่อนๆ แสดงว่ารูขุมขนกำลังอ่อนแอ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณของศีรษะล้านในอนาคต

🔹 ผมร่วงมากผิดปกติ – คนที่เริ่มมีอาการหัวเถิกมักพบว่าผมร่วงมากขึ้น เวลาสระผมหรือหวีผม อาจเห็นเส้นผมหลุดร่วงเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณแนวหน้าผากและขมับ

🔹 เห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเมื่อโดนแสง – หากลองส่องกระจกใต้แสงไฟหรือแสงแดด แล้วสังเกตว่าหนังศีรษะบริเวณแนวผมดูโปร่งขึ้น หรือเห็นเป็นเงาสะท้อนชัดกว่าปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเส้นผมกำลังบางลง

🔹 มีลักษณะคล้ายศีรษะล้านแบบ M หรือ U – เมื่อแนวผมร่นขึ้นไปเรื่อยๆ มักเกิดเป็นรูปตัว M (เว้าสองข้างของขมับ) หรือรูปตัว U (ร่นขึ้นทั้งกลางและข้าง) ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของภาวะศีรษะล้านแบบผู้ชาย

หัวเถิกรักษาได้ไหม รักษาอย่างไร

นอกจากการแก้ปัญหาหัวเถิกจากสาเหตุหลักที่เราได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ ยังมีวิธีรักษาเพิ่มเติมที่สามารถช่วยชะลอและแก้ไขอาการหัวเถิกได้ มาดูกันครับว่ามีทางเลือกไหนที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้บ้าง!

1. การเปลี่ยนสไตล์ทรงผม

หากหัวเถิกยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และต้องการแก้ปัญหาแบบเร่งด่วน การเลือกทรงผมที่ช่วยพรางแนวผมที่ร่นขึ้น ถือเป็นวิธีที่ง่ายและทำได้ทันที แม้ว่าจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวแต่ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้นครับ

ทรงผมแนะนำสำหรับคนหัวเถิก:

ทรงหน้าม้าตัดตรง – ทรงนี้ช่วยปิดแนวผมที่ร่นขึ้นได้ดี เหมาะกับผู้หญิงที่ต้องการปกปิดหน้าผากให้ดูแคบลง แต่ข้อเสียคือ ถ้าผมหนาเกินไปอาจทำให้หน้าผากอับชื้นและเกิดสิวได้ง่าย

ทรงสไลด์ไล่ระดับ – สำหรับคนที่ไม่อยากไว้หน้าม้า ทรงนี้ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ผมด้านข้าง ทำให้ใบหน้าดูสมดุลและสามารถพรางหัวเถิกได้ดี

ทรง Side Swept (แสกข้างปัดไปด้านข้าง) – เหมาะสำหรับคนที่หัวเถิกไม่มาก แต่ต้องการปิดบริเวณที่แนวผมร่น สามารถใช้แว็กซ์หรือโพเมดช่วยจัดทรงให้ดูเป็นธรรมชาติ

2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลเส้นผม

บางครั้งอาการหัวเถิกอาจมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ทำร้ายรากผมโดยไม่รู้ตัวครับ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผมร่วงและดูแลสุขภาพศีรษะให้ดีขึ้น เช่น

 ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด เพราะความเครียดสามารถกระตุ้นให้ผมร่วงมากขึ้น
✅ งดสูบบุหรี่ เพราะสารนิโคตินส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปยังรากผม
✅ ทานอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมเช่น ถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว นมสด ชีส และไข่
✅ หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรงเช่น การย้อมผมบ่อยๆ การใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมที่มีแอลกอฮอล์สูง
✅ ทำความสะอาดเส้นผมเป็นประจำและหมั่นนวดหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
✅ ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น

หากสังเกตว่าผมร่วงมากผิดปกติหรือแนวผมร่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจหาสาเหตุและหาทางแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ ครับ

3. การใช้ยารักษาหัวเถิก

หากหัวเถิกยังไม่รุนแรงมากและรากผมยังมีชีวิตอยู่ การใช้ยาปลูกผมสามารถช่วยให้เส้นผมกลับมาแข็งแรงขึ้นได้ ปัจจุบันมียา 2 ชนิดที่นิยมใช้ในการรักษา

ไฟแนสเทอไรด์
✔ เป็นยาที่ช่วยลดฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผมร่วง
✔ ใช้สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาหัวเถิกหรือศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์
✔ ช่วยให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงขึ้น

ไมน็อกซิดิล
✔ เป็นยาทาเฉพาะที่ ใช้กระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังรากผม
✔ ช่วยกระตุ้นให้เส้นผมงอกขึ้นใหม่ และทำให้ผมแข็งแรงขึ้น
✔ ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

ข้อควรระวัง:

  • การใช้ยาเหล่านี้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพราะอาจมีผลข้างเคียง
  • การหยุดใช้ยาอาจทำให้ผมที่งอกขึ้นใหม่ร่วงกลับไปเหมือนเดิม

4. การปลูกผมถาวร

หากหัวเถิกมากจนรากผมฝ่อไปแล้วการใช้ยาอาจไม่ได้ผล วิธีที่เห็นผลชัดเจนที่สุดคือการปลูกผมถาวร โดยแพทย์จะนำรากผมจากบริเวณท้ายทอยหรือกกหู ซึ่งเป็นจุดที่ผมแข็งแรง มาปลูกบริเวณที่หัวเถิกเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ

เทคนิคปลูกผมแบบ FUE
✔ เป็นการเจาะนำรากผมออกมาทีละกอ แล้วปลูกใหม่ลงไปทีละเส้น
✔ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเย็บ พักฟื้นเร็ว
✔ ให้แนวผมที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคที่พัฒนาเพิ่มเติมเช่น DHI และ Long Hair FUE ซึ่งช่วยให้ปลูกผมได้แน่นขึ้นและไม่ต้องโกนผมก่อนทำ

บทความน่ารู้ ปลูกผม ทางออกสำหรับผู้ศรีษะล้าน มีแบบไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่

5. การบำบัดด้วย PRP และ Growth Factors

หากต้องการกระตุ้นให้เส้นผมแข็งแรงขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยา การบำบัดด้วย PRP และ Growth Factors เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจครับ

PRP (Platelet-Rich Plasma Therapy)
✔ ใช้เลือดของตัวเองมาปั่นแยกเพื่อสกัดเกล็ดเลือดที่มี Growth Factors สูง แล้วฉีดกลับเข้าไปที่หนังศีรษะ
✔ ช่วยกระตุ้นรากผม เพิ่มการไหลเวียนเลือด และทำให้เส้นผมหนาขึ้น
✔ เหมาะสำหรับผู้ที่ผมบางจากกรรมพันธุ์หรือผมร่วงจากฮอร์โมน

Growth Factors Therapy
✔ เป็นเทคนิคที่ใช้สารสกัดที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสเต็มเซลล์เพื่อกระตุ้นให้รากผมแข็งแรงขึ้น
✔ มีประสิทธิภาพดีกว่า PRP ในการเร่งการงอกของเส้นผม
✔ ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง และลดอาการหลุดร่วงได้ในระยะยาว

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ยังมีรากผมอยู่และต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผม โดยไม่ต้องพึ่งยา ถ้าทำร่วมกับการใช้ยาหรือการปลูกผม จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดียิ่งขึ้นครับ

วิธีการป้องกันหัวเถิก

เราสามารถชะลอหรือป้องกันไม่ให้แนวผมร่นเร็วขึ้นได้ ด้วยวิธีดูแลเส้นผมและหนังศีรษะที่ถูกต้อง มาดูกันครับว่ามีวิธีไหนบ้างที่ช่วยป้องกันหัวเถิกก่อนจะสายเกินไป

1. ดูแลสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรง

หนังศีรษะเป็นพื้นฐานสำคัญของเส้นผม หากหนังศีรษะมีสุขภาพดี เส้นผมก็จะงอกได้แข็งแรงและไม่หลุดร่วงง่าย

 ✅ หมั่นทำความสะอาดหนังศีรษะเป็นประจำ โดยเลือกใช้แชมพูที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผม
✅ หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูที่มีสารซัลเฟตและพาราเบน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
✅ หมั่นนวดหนังศีรษะระหว่างสระผม เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม
✅ หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่มีแอลกอฮอล์สูง เพราะอาจทำให้ผมแห้งและอ่อนแอ

 

2. รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผม

โภชนาการมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของเส้นผม หากร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาจทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่าย

อาหารที่ช่วยป้องกันหัวเถิก:
โปรตีนสูง – เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ เต้าหู้ และถั่วเหลือง เสริมสร้างเคราตินซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเส้นผม
ธาตุเหล็ก – เช่น ผักใบเขียว เนื้อแดง และเครื่องในสัตว์ ช่วยให้รากผมแข็งแรงและลดการหลุดร่วง
ไบโอติน (Biotin) – พบในถั่ว ธัญพืช ไข่ และกล้วย ช่วยให้เส้นผมหนาขึ้น
โอเมก้า-3 – พบในปลาแซลมอน วอลนัท และเมล็ดแฟลกซ์ ช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื้นและลดการอักเสบ
วิตามิน C และ E – จากผลไม้รสเปรี้ยว และถั่ว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม

 

3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม

บางพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอาจเป็นตัวการเร่งให้แนวผมร่นเร็วขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว

พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง:
หวีผมแรงเกินไป – อาจทำให้เส้นผมหลุดร่วงและรากผมอ่อนแอลง
ใช้ความร้อนจัดแต่งทรงผมบ่อยๆ – เช่น ไดร์เป่าผมที่ร้อนเกินไป หรือใช้ที่หนีบผมไฟฟ้าบ่อยๆ
มัดผมหรือดึงผมแน่นเกินไป – อาจทำให้แนวผมร่นเร็วขึ้นโดยเฉพาะในผู้หญิง
สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป – ลดการไหลเวียนเลือดไปยังรากผม ทำให้เส้นผมอ่อนแอ
ปล่อยให้หนังศีรษะมันหรือแห้งเกินไป – อาจทำให้เกิดรังแคและอาการคัน ซึ่งส่งผลให้รากผมอ่อนแอลง

 

4. จัดการกับความเครียด

ความเครียดเรื้อรังเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วงและแนวผมร่นเร็วขึ้น เพราะฮอร์โมน Cortisol ที่ร่างกายหลั่งออกมาเมื่อเครียดสูง อาจไปขัดขวางการเจริญเติบโตของเส้นผม

วิธีลดความเครียดเพื่อป้องกันหัวเถิก:
✔ ฝึกการหายใจลึกๆ และทำสมาธิ
✔ ออกกำลังกายเป็นประจำเช่น โยคะ วิ่ง หรือว่ายน้ำ
✔ นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
✔ ใช้เวลากับกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือเล่นเกมที่ชอบ

 

5. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ

หากต้องการป้องกันหัวเถิก ควรเริ่มดูแลเส้นผมตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง

ตัวช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ:
เซรั่มหรือโทนิคบำรุงหนังศีรษะ – ช่วยให้รากผมแข็งแรง ลดอาการผมร่วง
แชมพูสูตรลดผมร่วง – เลือกสูตรที่ไม่มีซัลเฟตและช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม
ไมน็อกซิดิล – ยาทาที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม

ปลูกผมแก้หัวเถิกที่ 42G

ที่ 42G Clinic เรามี โปรแกรมดูแลเส้นผมครบวงจร ทั้ง ปลูกผมถาวร และ PRP เพื่อช่วยให้แนวผมกลับมาหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและแข็งแรงมากขึ้น

✅ ปลูกผมด้วยเทคนิคที่หลากหลาย 

ที่ 42G Clinic เราใช้ เทคนิคปลูกผมที่ทันสมัยที่สุด เพื่อให้ได้แนวผมที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา และไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่

  • FUE (Follicular Unit Extraction) – เป็นการปลูกผมแบบย้ายเซลล์ผมโดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะออกมา วิธีนี้ช่วยให้ไม่มีรอยแผลเป็นยาว ฟื้นตัวเร็ว และให้แนวผมที่เป็นธรรมชาติ
  • DHI (Direct Hair Implantation) – เทคนิคที่ใช้เครื่องมือพิเศษช่วยฝังรากผมโดยตรงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูก วิธีนี้ช่วยให้แนวผมแน่นขึ้น และลดโอกาสที่รากผมจะเสียหาย
  • Long Hair FUE – สำหรับคนที่ต้องการปลูกผมโดยไม่ต้องโกนศีรษะก่อน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติตั้งแต่วันแรก

ทุกเทคนิคได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อให้แนวผมที่ปลูกใหม่ดูเข้ากับใบหน้ามากที่สุด

 

✅ เสริมด้วย PRP ช่วยให้รากผมแข็งแรงขึ้น 

การปลูกผมจะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หากเส้นผมที่ปลูกใหม่ได้รับการกระตุ้นให้เติบโตอย่างแข็งแรง PRP (Platelet-Rich Plasma) เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้รากผมที่ปลูกติดแน่น ลดผมร่วง และช่วยให้เส้นผมที่ขึ้นใหม่ดูหนาขึ้น

PRP ทำงานอย่างไร?

  • ใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นจากร่างกายของเราเอง ซึ่งเต็มไปด้วย Growth Factors
  • ฉีดเข้าสู่หนังศีรษะบริเวณที่ปลูกผม เพื่อช่วยฟื้นฟูรากผมและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม
  • ทำให้รากผมแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสที่เส้นผมจะหลุดร่วงหลังปลูก
  • กระตุ้นให้เส้นผมเสริมสร้างเส้นเลือดใหม่ ทำให้รากผมได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่

 

✅ ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผม 

การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่แค่การนำเส้นผมจากบริเวณหนึ่งไปปลูกอีกบริเวณหนึ่ง แต่ต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์

ที่ 42G Clinic ทีมแพทย์ของเรา:
✔ มีประสบการณ์เฉพาะทาง ด้านการปลูกผมและการรักษาผมร่วงโดยตรงมามากกว่า 9 ปี
✔ ใช้เทคนิคการปลูกผมที่มีความแม่นยำสูง เพื่อให้แนวผมที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ
✔ ดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหา ออกแบบแนวผม ไปจนถึงการดูแลหลังปลูกผม

ปลูกกับทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง มั่นใจได้ว่าผมที่ปลูกจะติดจริงและเห็นผลแน่นอน!

 

✅ ออกแบบแนวผมเฉพาะบุคคล 

การปลูกผมที่ 42G Clinic ไม่ได้ใช้แนวผมเดียวกันกับทุกคน แต่เราออกแบบแนวผมให้เหมาะกับโครงหน้าและสไตล์ของแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

หลักการออกแบบแนวผมที่ 42G:
✔ คำนึงถึงสัดส่วนของใบหน้า เช่น รูปหน้าโค้งมน เหลี่ยม หรือรูปไข่
✔ คำนวณตำแหน่งแนวผมที่เหมาะสม ไม่ให้ดูสูงหรือต่ำเกินไป
✔ ออกแบบแนวผมให้เข้ากับอายุและบุคลิกของแต่ละคน

แนวผมที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล จะช่วยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ดูไม่แข็งทื่อ หรือเป็นเส้นตรงจนผิดธรรมชาติ

หัวเถิก อยากปลูกผม ราคาเท่าไหร่

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาการปลูกผม:

  1. เทคนิคการปลูกผม: เทคนิคที่นิยมใช้ ได้แก่ FUE (Follicular Unit Extraction) และ FUT โดยเทคนิค FUE มักมีราคาสูงกว่าเนื่องจากเป็นการเจาะรากผมทีละกอ ทำให้แผลเล็กและฟื้นตัวเร็วกว่า

     

  2. จำนวนกราฟท์ที่ต้องการปลูก: ราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟท์ที่ต้องการปลูก โดยทั่วไป ราคาต่อกราฟท์จะอยู่ระหว่าง 75-150 บาท ​

     

  3. ความชำนาญของแพทย์และชื่อเสียงของคลินิก: คลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า แต่ก็มักให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและปลอดภัยกว่า

1. เทคนิค FUE 

ราคาเริ่มต้น: 60,000 – 120,000 บาท หรือสูงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ที่ปลูก
✔ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว ไม่มีรอยแผลเป็นยาว
✔ ใช้การเจาะกอผมทีละกอจากบริเวณท้ายทอย แล้วนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ
✔ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแนวผมที่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องการพักฟื้นนาน

2. เทคนิค DHI 

ราคาเริ่มต้น: 80,000 – 150,000 บาท
✔ พัฒนามาจาก FUE แต่ ใช้ Choi Implanter Pen เพื่อปลูกผมโดยตรงโดยไม่ต้องเปิดแผลก่อน
✔ ทำให้ได้แนวผมที่แน่นขึ้น และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
✔ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้แนวผมดูเต็มแน่น และมีความแม่นยำสูงในการกำหนดทิศทางของเส้นผม

3. เทคนิค Long Hair FUE

ราคาเริ่มต้น: 100,000 บาทขึ้นไป
✔ เหมาะสำหรับคนที่ ต้องการปลูกผมโดยไม่ต้องโกนศีรษะ
✔ สามารถเห็นผลลัพธ์ของแนวผมใหม่ได้ ทันทีหลังทำ
✔ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องรอให้ผมงอกขึ้นมาใหม่

บทความน่ารู้ ปลูกผม แบบไหนดี รู้ทุกเรื่อง! DHI vs FUE ควรเลือกปลูกผมวิธีไหน

สรุปปัญหาหัวเถิก

หัวเถิกเป็นภาวะที่แนวผมร่นสูงขึ้น ทำให้หน้าผากกว้างขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์, ฮอร์โมน DHT, อายุที่เพิ่มขึ้น, ความเครียด และพฤติกรรมการใช้ชีวิต หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนเกิดภาวะผมบางหรือศีรษะล้านได้ การป้องกันหัวเถิกสามารถทำได้โดยดูแลสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผม หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายรากผม และลดความเครียด สำหรับผู้ที่เริ่มมีอาการหัวเถิก สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปลูกผมเช่น Finasteride และ Minoxidil, การทำ PRP Therapy เพื่อกระตุ้นรากผม หรือการเลือกทรงผมที่ช่วยพรางแนวผมที่ร่นขึ้น แต่หากอาการหัวเถิกลุกลามมากแล้ว การปลูกผมถาวร ด้วยเทคนิค FUE, DHI หรือ Long Hair FUE เป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวร หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาหัวเถิก ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมในการดูแลและแก้ไขปัญหา ก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นครับ

สนใจเติมไขมันหน้าเด็ก: Pmed Clinic เติมไขมันหน้า

Facebook
Pinterest
Email

บทความล่าสุด

ปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามเพิ่มเติมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ เกี่ยวกับบริการศัลยกรรมความงามหลากหลายรูปแบบ ที่เน้นคุณภาพและการดูแลอย่างใส่ใจในทุกขั้นตอน