
ปัญหาของเส้นผมก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ เพราะหลายคนอาจเริ่มสังเกตว่าผมตัวเองร่วงเยอะกว่าปกติ จนเริ่มบางลงอย่างเห็นได้ชัด นี่อาจไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดา แต่เป็นสัญญาณของความผิดปกติของหนังศีรษะ ที่ควรรีบหาสาเหตุและเริ่มดูแลรักษาให้เร็วที่สุด ก่อนที่อาการจะลุกลามจนส่งผลต่อความมั่นใจในชีวิตประจำวัน
ในบทความนี้ เราจะชวนคุณมาทำความเข้าใจว่าอาการผมบางจริง ๆ แล้วเกิดจากอะไรได้บ้าง? ปัจจัยอะไรที่กระตุ้นให้ผมร่วงจนบางลง และจะมีวิธีดูแลหรือป้องกันอย่างไรให้ผมกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการปรับพฤติกรรม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ หรือการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง—all in one ที่คุณควรรู้ครับ!
ผมบางคืออะไร?
ผมบางคือภาวะที่เส้นผมดูบางลงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเกิดจากผมร่วงมากผิดปกติ หรือเส้นผมที่ขึ้นใหม่มีลักษณะเล็กและบางลงกว่าปกติ จนทำให้หนังศีรษะเริ่มมองเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในบริเวณกลางศีรษะหรือแนวไรผม ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนมักสังเกตเห็นก่อนเป็นอันดับแรก
ภาวะผมบางไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าหนังศีรษะหรือรากผมของเรากำลังมีปัญหา เช่น การไหลเวียนเลือดไม่ดี ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ความเครียด หรือแม้แต่การดูแลเส้นผมที่ไม่เหมาะสม หากปล่อยไว้นานโดยไม่แก้ไข อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้านในระยะยาวได้ครับ
ผมบางมีสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง?
ภาวะผมบางไม่ใช่แค่เรื่องของอายุหรือพันธุกรรมอย่างเดียวครับ แต่สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งภายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน และการขาดสารอาหาร ไปจนถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสุขภาพของรากผมและวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมโดยตรง ทำให้ผมหลุดร่วงมากกว่าปกติและขึ้นใหม่น้อยลง จนนำไปสู่ปัญหาผมบางในที่สุด
- กรรมพันธุ์ (Androgenetic Alopecia)
หากคนในครอบครัวมีประวัติเส้นผมบางหรือศีรษะล้าน โดยเฉพาะพ่อแม่หรือพี่น้องสายตรง เราก็มีโอกาสสูงที่จะประสบปัญหาเดียวกันครับ ภาวะนี้มักเกิดจากความไวต่อฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รากผมหดตัวลงเรื่อย ๆ เมื่อรากผมเล็กลงจนไม่สามารถผลิตเส้นผมที่แข็งแรงได้ ผมจึงหลุดร่วงและขึ้นใหม่น้อยลง ทำให้ผมบางลงแบบถาวร โดยผู้ชายมักมีแนวผมถอยร่นหรือบางตรงกลางศีรษะ ส่วนผู้หญิงจะมีผมบางทั่วศีรษะมากกว่า - ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงหรือไม่สมดุล
ในบางช่วงของชีวิต โดยเฉพาะหลังคลอด วัยทอง หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ ร่างกายอาจมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศอย่างชัดเจน เมื่อฮอร์โมนอย่างเอสโตรเจนลดลง หรือ DHT เพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลให้เส้นผมเข้าสู่ระยะพัก (Telogen phase) เร็วขึ้น ทำให้ผมหลุดร่วงในปริมาณมาก และรากผมไม่สามารถงอกใหม่ได้ทันครับ - ความเครียดสะสมหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
ความเครียดเรื้อรังหรือการอดนอนจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมามากเกินไป ซึ่งส่งผลต่อระบบการไหลเวียนเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงทำให้วงจรเส้นผมผิดปกติ รากผมจึงขาดสารอาหารและหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ บางรายอาจเกิดภาวะผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) จากระบบภูมิคุ้มกันที่ทำลายรากผมตัวเอง - โภชนาการที่ไม่สมดุล
เส้นผมต้องการสารอาหารหลายชนิดในการเจริญเติบโต เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก สังกะสี ไบโอติน และวิตามินดี หากร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เช่น การควบคุมอาหารแบบผิดวิธี หรือทานอาหารเดิมซ้ำ ๆ จนขาดความหลากหลาย จะทำให้รากผมอ่อนแอ ผลิตเส้นผมใหม่ได้น้อยลง และเกิดผมบางตามมาในระยะยาว - การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผมมากเกินไป
การทำสี ดัด ไดร์ หนีบ หรือใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมบ่อยครั้งโดยไม่พักฟื้นเส้นผม อาจทำให้ผมเสียและขาดร่วงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้สารเคมีบางชนิดยังสามารถระคายเคืองหนังศีรษะและรากผมได้ ทำให้วงจรการงอกผมหยุดชะงัก และเกิดผมบางโดยไม่รู้ตัว - โรคผิวหนังหรือภาวะผิดปกติของหนังศีรษะ
เช่น รังแคเรื้อรัง เชื้อราบนหนังศีรษะ โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ล้วนส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะและรูขุมขน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเจริญเติบโตของเส้นผม หากรูขุมขนอักเสบหรือตัน จะทำให้ผมร่วงง่ายและงอกใหม่ได้น้อยลง - มลภาวะและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ฝุ่น ควัน แสงแดด หรือแม้แต่คุณภาพของน้ำที่ใช้สระผมก็มีผลครับ มลภาวะเหล่านี้อาจสะสมบนหนังศีรษะจนเกิดการอุดตันหรือระคายเคือง ทำให้รากผมอ่อนแอและเกิดภาวะผมบางในระยะยาว
บทความน่ารู้ ผมร่วง เกิดจากอะไร ปัญหายอดฮิต รักษายังไง
รู้ได้อย่างไรว่าผมบางมากผิดปกติ
สัญญาณและวิธีสังเกตว่าผมบางผิดปกติ
- ผมร่วงมากเกิน 100 เส้นต่อวัน
ปกติแล้ว ผมของคนเราจะผลัดเปลี่ยนตามรอบชีวิตของเส้นผม แต่ถ้าคุณเริ่มเก็บผมจากพื้นห้องน้ำได้เป็นกำมือทุกครั้งหลังสระ หรือสังเกตว่าแปรงหวีผมมีเส้นผมติดเยอะผิดปกติทุกวัน อาจแปลว่ารากผมกำลังเข้าสู่ภาวะอ่อนแอ หรือมีบางอย่างในร่างกายที่กระตุ้นให้ผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ เช่น ความเครียด ฮอร์โมน หรือภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งถ้าไม่ได้รับการดูแล ผมใหม่อาจขึ้นไม่ทันผมที่หลุดร่วงไปครับ - เส้นผมเล็กลงและบางลงเรื่อยๆ
หากเส้นผมที่ขึ้นใหม่ดูบางลงกว่าปกติ ขาดง่าย เปราะ และดูไม่มีน้ำหนัก อาจหมายถึงรากผมกำลังอ่อนแรง และอยู่ในช่วงพักตัวของวงจรผมยาวนานเกินไป ซึ่งทำให้เส้นผมไม่สามารถงอกใหม่ได้ตามปกติ และเมื่อเวลาผ่านไป ความหนาแน่นของผมจะลดลงอย่างชัดเจน - เริ่มเห็นหนังศีรษะชัดขึ้น โดยเฉพาะกลางศีรษะหรือแนวผมหน้า
ผู้หญิงหลายคนมักเริ่มสังเกตเห็นจากการถ่ายภาพหรือส่องกระจกว่า หนังศีรษะดูโล่งขึ้น หรือแนวแสกเริ่มกว้างขึ้นกว่าปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าผมบริเวณนั้นเริ่มบางลง หากปล่อยไว้โดยไม่หาสาเหตุหรือวางแผนดูแล รากผมอาจหยุดทำงานและกลายเป็นผมบางถาวรได้ครับ - แนวผมถอยร่นหรือไรผมบางลง
หากแนวไรผมที่เคยดูชัดเจนเริ่มถอยร่นขึ้น หรือต้องจัดทรงเพื่อปิดบริเวณที่บางมากขึ้นทุกวัน อาจเป็นสัญญาณว่าแนวผมกำลังสูญเสียความสมดุล ซึ่งมักเกิดจากฮอร์โมนหรือพันธุกรรม โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยทำงานหรือวัยทอง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจทำให้แนวผมบางลงโดยไม่รู้ตัว - ผมร่วงเป็นหย่อมหรือเป็นกระจุก
ถ้าผมร่วงในลักษณะเป็นหย่อมหรือหลุดเป็นกระจุก จนเห็นเป็นรอยวงชัดเจนบนหนังศีรษะ อาจเป็นภาวะที่เรียกว่า Alopecia Areata ซึ่งเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติและทำลายรากผม การปล่อยให้ปัญหานี้ยืดเยื้อโดยไม่เข้ารับการรักษา อาจทำให้เกิดผมบางถาวรในบริเวณนั้นครับ
ผมบางส่งผลอย่างไรบ้าง
ผมบางอาจดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กน้อยในช่วงแรก แต่จริง ๆ แล้วส่งผลกระทบในหลายด้านมากกว่าที่คิดครับ โดยเฉพาะในเรื่องของความมั่นใจในชีวิตประจำวัน หลายคนเริ่มรู้สึกไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่อยากถ่ายรูป หรือหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม เพราะกังวลว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นจุดที่ผมบางชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ บางคนถึงขั้นต้องเปลี่ยนทรงผม เลือกแต่งตัวเพื่อปกปิด หรือใส่หมวกตลอดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงความอาย ทำให้บุคลิกภาพและภาพลักษณ์ดูเปลี่ยนไปโดยไม่ตั้งใจ
นอกจากนี้ ผมบางยังส่งผลต่อสไตล์ส่วนตัวและความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง หลายคนเคยจัดทรงผมที่ชอบได้อย่างมั่นใจ แต่เมื่อผมบางลงก็ไม่สามารถจัดทรงแบบเดิมได้ หรือรู้สึกว่าทรงผมที่เคยชอบกลับเน้นให้เห็นจุดที่ผมบางชัดขึ้น ส่งผลต่อความรู้สึกในทุกวัน และอาจนำไปสู่ความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งความเครียดนี่เองก็ยิ่งกระตุ้นให้ผมร่วงมากขึ้นอีก กลายเป็นวงจรที่แก้ได้ยาก
ท้ายที่สุด หากปล่อยให้ผมบางเป็นเรื้อรังโดยไม่รีบรักษา อาจพัฒนาไปสู่ภาวะศีรษะล้านถาวรได้ โดยเฉพาะกรณีที่เกิดจากฮอร์โมนหรือพันธุกรรม ซึ่งทำให้รากผมหดตัวและไม่สามารถผลิตเส้นผมใหม่ได้อีก การรักษาจึงต้องใช้ระยะเวลานานและได้ผลลัพธ์ยากกว่าการดูแลตั้งแต่ระยะแรกครับ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเริ่มสังเกตว่าผมบางลงอย่างผิดปกติ แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินและวางแผนการดูแลก่อนที่จะสายเกินไปครับ
ผู้ชาย VS ผู้หญิง ใครมีโอกาสเกิดผมบางผมร่วงได้มากกว่ากัน?
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเกิดผมบางและศีรษะล้านได้มากกว่าผู้หญิงครับ สาเหตุหลักมักมาจากฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งมีผลต่อรากผมโดยตรง ฮอร์โมนตัวนี้ทำให้รากผมหดตัวลงเรื่อย ๆ จนไม่สามารถผลิตเส้นผมใหม่ได้อีก เมื่อเวลาผ่านไป จึงเกิดเป็นลักษณะศีรษะล้านที่เรามักเห็นในผู้ชาย เช่น แนวผมถอยร่น หรือผมบางเฉพาะจุดตรงกลางศีรษะ
ในขณะที่ผู้หญิงก็สามารถประสบปัญหาผมร่วงผมบางได้เช่นกันครับ แต่ลักษณะของการร่วงจะต่างจากผู้ชาย โดยส่วนใหญ่จะเกิดแบบกระจายทั่วทั้งศีรษะ ไม่ได้มีแนวผมร่นชัดเจน และมักเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงในช่วงวัยทอง หรือหลังคลอด อีกทั้งพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ความเครียดสะสม การลดน้ำหนักรวดเร็ว หรือขาดสารอาหาร ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้หญิงผมร่วงได้
การรักษาผมบางทำได้อย่างไร
การรักษาภาวะผมบางสามารถทำได้หลายวิธีครับ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของผมบางในแต่ละบุคคลว่ามาจากอะไร เช่น กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ความเครียด หรือโภชนาการ ซึ่งหากสามารถวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง การเลือกแนวทางการรักษาก็จะตรงจุดและเห็นผลได้ชัดเจนมากขึ้น
ทานอาหารที่ช่วยบำรุงรากผมโดยตรง
เพราะเส้นผมต้องการสารอาหาร เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก สังกะสี ไบโอติน และวิตามินดี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้รากผม หากร่างกายขาดสารเหล่านี้ ผมจะร่วงง่ายและขึ้นใหม่ได้น้อย
วิธีดูแล: ควรเน้นทานไข่ ถั่ว ปลา ผักใบเขียว และธัญพืชหลากหลาย รวมถึงดื่มน้ำให้เพียงพอทุกวันครับ
ลดความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะความเครียดทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน ส่งผลต่อวงจรเส้นผม ทำให้ร่วงเร็วขึ้น
วิธีดูแล: พยายามเข้านอนให้ตรงเวลา ทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ออกกำลังกายเบา ๆ หรือฝึกสมาธิครับ
หลีกเลี่ยงสารเคมีและความร้อนที่ทำร้ายเส้นผม
การดัด ย้อม หนีบผม หรือใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมบ่อย ๆ ทำให้เส้นผมอ่อนแอ ขาดง่าย และรากผมเสียหาย
วิธีดูแล: ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการทำเคมีต่อเนื่อง และเว้นวันให้เส้นผมได้พักจากความร้อนครับ
ใช้ยารักษาตามคำแนะนำของแพทย์
เช่น Minoxidil ที่ช่วยกระตุ้นรากผมให้กลับมาเจริญเติบโต และ Finasteride (สำหรับผู้ชาย) ที่ลดการทำงานของฮอร์โมน DHT
วิธีดูแล: ใช้ยาอย่างต่อเนื่องตามเวลาที่แพทย์กำหนด อย่าหยุดใช้เอง เพราะอาจทำให้ผมกลับมาร่วงได้ครับ
ฉีดวิตามินบำรุงรากผม
การฉีดวิตามินหรือสารอาหารที่จำเป็นเข้าสู่ชั้นหนังศีรษะ (Scalp Mesotherapy) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและส่งสารอาหารสู่รากผมโดยตรง ทำให้ผมแข็งแรงและลดการหลุดร่วงได้ โดยมักจะประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของหนังศีรษะ
วิธีดูแล: ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีด เพื่อประเมินความเหมาะสมของสารอาหารและจำนวนครั้งในการรับบริการ โดยทั่วไปอาจต้องฉีดอย่างต่อเนื่องเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง จึงจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนครับ
รักษาด้วย PRP Therapy (Platelet-Rich Plasma)
เพราะ PRP ใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดของเราเอง ที่มี Growth Factor ช่วยกระตุ้นรากผมให้แข็งแรง
วิธีดูแล: ควรเข้ารับการฉีด PRP อย่างสม่ำเสมอ 3–4 ครั้ง ห่างกันทุก 2–4 สัปดาห์ ตามคำแนะนำของแพทย์ครับ
ปลูกผมถาวรในกรณีที่รากผมหยุดทำงาน
ถ้ารากผมหายไปถาวรหรือไม่สามารถงอกใหม่ได้ การปลูกผมถาวร เช่น FUE, DHI หรือ Long Hair FUE จะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ได้ผลดี
วิธีดูแล: ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินว่าเหมาะกับการปลูกผมหรือไม่ และเลือกรูปแบบที่เข้ากับสภาพผมของตัวเองครับ
บทความน่ารู้ ปลูกผม ทางออกสำหรับผู้ศรีษะล้าน มีแบบไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่
คำถามที่พบบ่อย
โรคผมบางกรรมพันธุ์ รักษาได้ไหม?
รักษาได้ครับ แม้จะไม่สามารถ “หายขาด” ได้แบบถาวร เพราะเป็นภาวะที่เกิดจากพันธุกรรม แต่สามารถควบคุมและชะลอการบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ยารักษาควบคู่กับการดูแลสุขภาพรากผม และในบางรายอาจพิจารณาปลูกผมถาวรหากผมบางมากหรือแนวผมถอยร่นชัดเจนครับ
กินคีโตทำให้ผมบางจริงไหม?
มีโอกาสครับ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการกินคีโตอย่างเข้มงวด เพราะร่างกายอาจปรับตัวไม่ทัน ทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารบางชนิด เช่น โปรตีน วิตามินบี หรือธาตุเหล็ก ซึ่งล้วนจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม ถ้าอยากลดน้ำหนักแบบคีโต ควรเลือกกินให้หลากหลายและเสริมวิตามินที่เกี่ยวข้องกับเส้นผมด้วยครับ
กินผงชูรสเยอะทำให้ผมบาง ผมร่วง จริงไหม?
ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันแน่ชัดว่าผงชูรส (MSG) ทำให้ผมร่วงหรือผมบางโดยตรงครับ แต่ถ้ากินในปริมาณมากเกินไปติดต่อกัน อาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม เช่น การนอนไม่หลับหรือความเครียดจากระบบประสาท ซึ่งอาจกระทบต่อวงจรเส้นผมได้ทางอ้อม ดังนั้นควรกินแต่พอดีครับ
ป้องกันผมบาง ควรรับประทานอะไรบ้าง?
ควรเน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ ปลา ถั่ว รวมถึงอาหารที่อุดมไปด้วย ธาตุเหล็ก สังกะสี ไบโอติน และวิตามินดี เพราะเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อรากผมโดยตรง ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง งอกใหม่ได้ดี และลดโอกาสการหลุดร่วง นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอและพักผ่อนอย่างสม่ำเสมอด้วยครับ
สรุปเรื่องผมบาง
ผมบางไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกครับ แต่เป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงสุขภาพของรากผมและหนังศีรษะที่อาจเริ่มมีปัญหา ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ความเครียด โภชนาการ หรือพฤติกรรมการดูแลผมที่ไม่เหมาะสม หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจพัฒนาไปสู่ภาวะศีรษะล้านถาวรได้ในอนาคต
ข่าวดีคือ ผมบางสามารถป้องกันและรักษาได้ครับ หากรู้สาเหตุอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดการใช้สารเคมีกับเส้นผม หรือในกรณีที่ผมบางจากพันธุกรรมก็ยังสามารถใช้ยารักษา เช่น Minoxidil, Finasteride หรือทำหัตถการอย่าง PRP, LLLT รวมถึงการปลูกผมถาวร เพื่อคืนความมั่นใจให้กลับมาได้อีกครั้ง ดังนั้น ถ้าคุณเริ่มสังเกตว่าผมบางลงผิดปกติ อย่ารอให้ลุกลามครับ รีบหาสาเหตุและเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะผมที่แข็งแรง เริ่มต้นจากรากผมที่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีครับ.
42G Clinic มีบริการทั้งฉีดวิตามินเข้ารากผม รักษาปัญหาผมบางด้วย PRP และ Growth Factor ปลูกผม สามารถเข้ามาปรึกษาได้ครับ
สนใจเติมไขมันหน้าเด็ก: Pmed Clinic เติมไขมันหน้า