ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดแก้ยังไง? เสี่ยงตาบอดจริงไหม?

ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด

การฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นหัตถการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันครับ แต่รู้หรือไม่ว่าหากฉีดผิดตำแหน่งจนฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ผิวเนื้อตาย หรือแม้กระทั่งตาบอดได้ครับ บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และวิธีรับมือเมื่อต้องเผชิญกับภาวะฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด รวมถึงแนวทางป้องกันครับ

ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดแก้ไขยังไง

เมื่อฟิลเลอร์หลุดเข้าเส้นเลือด นี่คือสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องรีบแก้ไขทันทีนะครับ! แพทย์จะใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส ฉีดเข้าบริเวณที่มีการอุดตัน เพื่อย่อยสลายฟิลเลอร์ให้เร็วที่สุด โดยทั่วไปต้องฉีดภายใน 4-6 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุเพื่อป้องกันเนื้อตาย นอกจากนี้ยังมีการใช้วิธีประคบอุ่น นวดบริเวณนั้นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด และอาจให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาขยายหลอดเลือดร่วมด้วย ถ้าสงสัยว่าเกิดภาวะนี้ อย่ารอ! รีบติดต่อแพทย์ของคุณทันทีเพื่อการรักษาที่ทันท่วงที

ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดเสี่ยงอย่างไรบ้าง

  • เนื้อเยื่อขาดเลือดและตายได้ เมื่อฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด จะทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อในบริเวณนั้นได้ ผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดทันทีและเกิดอาการปวดรุนแรง หากไม่ได้รับการแก้ไขภายใน 4-6 ชั่วโมง จะทำให้เนื้อเยื่อตายอย่างถาวร
  • เสี่ยงตาบอด ใบหน้ามีเส้นเลือดที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย โดยเฉพาะบริเวณจมูก หว่างคิ้ว และรอบๆ ตา ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าเส้นเลือดในบริเวณเหล่านี้อาจเดินทางย้อนกลับไปอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา เมื่อเกิดขึ้นแล้วมักแก้ไขได้ยากและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
  • เกิดแผลเป็นถาวร เมื่อเนื้อเยื่อตายจากการขาดเลือด ผิวหนังบริเวณนั้นจะดำและเกิดเป็นแผลลึก เมื่อแผลหายจะเกิดเป็นรอยแผลเป็นที่บุ๋มลงและมีสีผิดปกติ การแก้ไขแผลเป็นเหล่านี้ทำได้ยากมากและมักต้องใช้การผ่าตัดหรือเลเซอร์หลายครั้ง
  • เกิดการติดเชื้อ เนื้อเยื่อที่ขาดเลือดมีความต้านทานต่อการติดเชื้อต่ำ ทำให้แบคทีเรียสามารถเข้าสู่ผิวหนังที่เสียหายและก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงได้ง่าย การติดเชื้อเพิ่มความเสียหายของเนื้อเยื่อและยืดระยะเวลาการรักษาให้นานขึ้น
  • เกิดผลกระทบทางจิตใจ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณที่เห็นได้ชัดเจน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจอย่างรุนแรง คนไข้มักเกิดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และแยกตัวจากสังคมหลังประสบปัญหานี้
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง การแก้ไขภาวะแทรกซ้อนจากฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งการฉีดยาไฮยาลูโรนิเดส การรักษาแผล และการแก้ไขความเสียหายในระยะยาว บางกรณีอาจต้องพบแพทย์เฉพาะทางหลายสาขาและเข้ารับการรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • เกิดอาการปวดรุนแรง เมื่อเนื้อเยื่อเริ่มขาดเลือด จะเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ควบคุมได้ยากแม้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป ความเจ็บปวดนี้อาจคงอยู่เป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บ

 

บทความน่ารู้ เติมไขมันหน้าอยู่ได้นานไหม ทำอย่างไรไม่ให้ไขมันสลายเร็ว

ตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงตาบอด:

  • หว่างคิ้ว – บริเวณนี้มีเส้นเลือดดำที่เชื่อมต่อโดยตรงกับเส้นเลือดในเบ้าตา ทำให้ฟิลเลอร์สามารถย้อนกลับเข้าสู่เส้นเลือดที่เลี้ยงจอประสาทตาได้ง่าย
  • สันจมูก – มีเส้นเลือดแดงใบหน้าพาดผ่านและเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่เลี้ยงดวงตาโดยตรง
  • ปีกจมูก – เป็นจุดที่มีเส้นเลือดแดงใบหน้าและเส้นเลือดแดงใต้ตาอยู่ตื้นๆ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังจอประสาทตาได้
  • ร่องแก้ม – บริเวณนี้มีเส้นเลือดแดงใบหน้าอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักที่มีการเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตา
  • ขมับ – มีเส้นเลือดขมับที่เชื่อมต่อกับเส้นเลือดในเบ้าตาและมีโอกาสเกิดการไหลย้อนกลับของฟิลเลอร์ได้สูง
  • รอบเบ้าตา – พื้นที่นี้มีเส้นเลือดจำนวนมากที่เชื่อมต่อโดยตรงกับเส้นเลือดที่เลี้ยงลูกตาและจอประสาทตา
  • ริมฝีปากบน – เส้นเลือดริมฝีปากบนเชื่อมต่อกับเส้นเลือดแดงใบหน้าซึ่งสามารถไหลย้อนกลับไปสู่เส้นเลือดที่เลี้ยงตาได้
  • ร่องน้ำตา – บริเวณนี้อยู่ใกล้กับเส้นเลือดในเบ้าตาและมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากตำแหน่งที่ใกล้กับดวงตาโดยตรง

อาการหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเสี่ยงตาบอดที่ควรพบแพทย์

การฉีดฟิลเลอร์ที่ใบหน้าอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะตาบอดหากสารฟิลเลอร์เข้าสู่เส้นเลือดที่เลี้ยงจอประสาทตา หากคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้หลังฉีดฟิลเลอร์ ให้ถือเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์และควรพบแพทย์ทันที:

  • การมองเห็นเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด – เกิดตาพร่ามัว มองไม่ชัด มองเห็นจุดดำ หรือการมองเห็นแคบลงอย่างฉับพลัน
  • ปวดตารุนแรง – อาการปวดตาเฉียบพลันที่ไม่สัมพันธ์กับตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์
  • ผิวซีดขาวทันที – บริเวณที่ฉีดหรือบริเวณใกล้เคียงมีสีขาวซีดผิดปกติเนื่องจากการขาดเลือด
  • ปวดรุนแรงไม่สัมพันธ์กับการฉีด – ความเจ็บปวดที่รุนแรงเกินกว่าความเจ็บปวดปกติจากการฉีด
  • เห็นสีรุ้ง (หรือเห็นแสงแวบวาบ) – มองเห็นสีรุ้งรอบแสงไฟ หรือเห็นแสงแวบวาบในลักษณะผิดปกติ
  • อาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง – มีอาการปากเบี้ยว พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
  • ตาชาหรือเคลื่อนไหวผิดปกติ – รู้สึกชาบริเวณรอบดวงตาหรือไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกตาได้ตามปกติ

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แท้

  • คุณภาพและความปลอดภัยสูง – ฟิลเลอร์แท้ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพ้และการเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์น้อยกว่า แบรนด์ที่ได้รับการรับรองมีการศึกษาวิจัยรองรับประสิทธิภาพและความปลอดภัยอย่างกว้างขวาง
  • ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ – ฟิลเลอร์แท้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสารในร่างกาย ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เนื้อสัมผัสอ่อนนุ่มและมีความยืดหยุ่นที่ดี ฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิดคุณภาพดีจะเลียนแบบเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้ใกล้เคียงที่สุด ทำให้ดูไม่ออกว่าทำศัลยกรรม
  • การกระจายตัวสม่ำเสมอ – ฟิลเลอร์แท้มีความบริสุทธิ์สูงและมีโครงสร้างที่สม่ำเสมอ ทำให้กระจายตัวในเนื้อเยื่อได้อย่างเท่ากัน ไม่เกิดก้อนหรือตุ่มใต้ผิวหนัง แพทย์สามารถควบคุมการฉีดได้แม่นยำและคาดการณ์ผลลัพธ์ได้ดีกว่า
  • ระยะเวลาอยู่ในร่างกายที่แน่นอน – สามารถคาดการณ์ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะอยู่ในร่างกายได้ ทำให้วางแผนการรักษาต่อเนื่องได้ดี ผู้เข้ารับบริการสามารถรู้ล่วงหน้าว่าควรกลับมาฉีดซ้ำเมื่อใดเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ต้องการ
  • สลายได้ด้วยเอนไซม์ – กรณีฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิกแอซิด สามารถสลายได้ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน คุณสมบัตินี้ทำให้ฟิลเลอร์แท้มีความปลอดภัยสูงกว่าเพราะสามารถแก้ไขได้ทันทีหากเกิดปัญหา

ปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม

  • การอักเสบรุนแรง – ฟิลเลอร์ปลอมมักมีสารปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง บวมแดง และเจ็บปวดที่ยาวนาน ในบางกรณีการอักเสบอาจรุนแรงถึงขั้นเนื้อเยื่อตายและต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน
  • การเกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง – สารที่ไม่บริสุทธิ์มักรวมตัวเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง มองเห็นได้ชัดและแก้ไขได้ยาก ก้อนเหล่านี้อาจคงอยู่เป็นเวลาหลายปีและบางครั้งต้องผ่าตัดออกซึ่งอาจเหลือแผลเป็นถาวร
  • ย้ายตำแหน่งได้ง่าย – ฟิลเลอร์ปลอมมักเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งเดิม ทำให้ใบหน้าผิดรูป บางครั้งอาจเคลื่อนไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการให้มีการเติมเต็ม เช่น ฉีดที่ร่องแก้มแล้วเคลื่อนมาที่ใต้ตาทำให้เกิดถุงใต้ตา
  • สลายยาก – ไม่สามารถสลายด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสได้ หากเกิดภาวะแทรกซ้อนต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น การต้องผ่าตัดออกอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียงและเส้นประสาท
  • การติดเชื้อ – มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเนื่องจากกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานและการปนเปื้อนของเชื้อโรค การติดเชื้อที่เกิดขึ้นมักดื้อยาและต้องใช้ยาปฏิชีวนะขนานแรงในการรักษา
  • แพ้สารในฟิลเลอร์ – มีส่วนผสมที่ไม่บริสุทธิ์หรือสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้รุนแรง บางครั้งอาการแพ้อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตหากเกิดภาวะแอนาฟิแล็กซิส
  • ผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ – เนื้อสัมผัสและการกระจายตัวไม่เหมือนเนื้อเยื่อธรรมชาติ ทำให้ดูผิดแปลกและไม่เป็นธรรมชาติ ใบหน้าอาจดูแข็งและขาดมิติความนุ่มนวลหรือดูเป็นพลาสติกเกินไป

ควรสังเกตตัวเองอย่างไรหลังฉีดฟิลเลอร์?
หลังฉีดฟิลเลอร์ หลายคนอาจรู้สึกว่าทุกอย่างดูเรียบร้อยดี แต่จริงๆ แล้ว การเฝ้าสังเกตตัวเองในช่วง 24-72 วันแรกหลังทำถือว่าสำคัญมากครับ เพราะเป็นช่วงที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้ารู้ทันและรีบแก้ไข จะช่วยลดความเสี่ยงได้เยอะเลย

สิ่งที่ควรสังเกตง่าย ๆ ได้แก่

  • อาการบวม แดง หรือช้ำ อาการเหล่านี้พบได้บ้างหลังฉีดฟิลเลอร์ แต่ถ้าบวมมาก ปวดเยอะ หรือแดงลุกลาม แนะนำให้กลับไปพบแพทย์ครับ

     

  • ผิวซีดหรือเปลี่ยนสีผิดปกติ ถ้าผิวตรงจุดที่ฉีดเริ่มซีดหรือคล้ำแบบผิดธรรมชาติ อาจเป็นสัญญาณว่าเลือดไปเลี้ยงไม่พอ หรือมีฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด

     

  • รู้สึกชาหรือไม่มีความรู้สึก ตรงจุดที่ฉีด หากรู้สึกชานานๆ หรือไม่รู้สึกเลย ควรแจ้งแพทย์ทันทีครับ

     

  • อาการเกี่ยวกับตา เช่น ตาพร่า มองไม่ชัด หรือปวดตา อันนี้สำคัญมาก เพราะอาจเกี่ยวข้องกับฟิลเลอร์ที่เข้าเส้นเลือดและส่งผลกับระบบการมองเห็น ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน

 

บทความน่ารู้ ฉีดไขมันหน้า อันตรายไหม เจาะลึก ข้อดี ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้า

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถช่วยลดปัญาร่องลึก ใต้ตาคล้ำ และทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่คำถามที่หลายคนกังวลก็คือ “ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม?” คำตอบคือ ถ้าทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. ความเสี่ยงก็ถือว่าต่ำครับ แต่ถ้าทำโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอม ก็อาจมีความเสี่ยงถึงขั้นตาบอดหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำนวนมาก การฉีดจึงต้องใช้เทคนิคที่แม่นยำและประสบการณ์ของแพทย์ในการประเมินความลึก ปริมาณ และตำแหน่งการฉีดให้ปลอดภัยที่สุด ถ้าได้รับการฉีดอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ใต้ตาดูอิ่มฟูขึ้นทันที และไม่เกิดรอยช้ำหรือบวมมากหลังทำ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติเช่น ปวดมากผิดปกติ ตาพร่า หรือผิวเปลี่ยนสีบริเวณที่ฉีด ควรรีบพบแพทย์ทันทีครับ

เทคนิคการเลือกฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัย

การฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัยไม่ใช่แค่เลือกยี่ห้อดีๆ เท่านั้นนะครับ แต่ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่างร่วมกัน ทั้งแพทย์ที่ทำหัตถการ เทคนิคที่ใช้ และคุณภาพของฟิลเลอร์ เพราะแม้จะเป็นหัตถการเล็กๆ แต่หากฉีดผิดจุดหรือใช้ฟิลเลอร์ปลอม อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้ เช่น อุดตันเส้นเลือด ผิวตาย หรือแม้แต่ตาบอด

เทคนิคการเลือกฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัย มีหลักสำคัญดังนี้ครับ:

  • เลือกฉีดกับแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์
    ฟิลเลอร์ต้องฉีดโดยแพทย์เท่านั้น โดยเฉพาะบริเวณเสี่ยงอย่างใต้ตา จมูก หรือหน้าผาก เพราะเป็นจุดที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำนวนมาก การฉีดผิดตำแหน่งเพียงเล็กน้อย อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทันที แนะนำให้ตรวจสอบว่าแพทย์มีใบประกอบวิชาชีพ และมีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 3–5 ปีขึ้นไปครับ

  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. ไทยเท่านั้น
    ฟิลเลอร์แท้จะมีคุณสมบัติที่ปลอดภัย สลายได้เอง 100% และไม่ตกค้างในร่างกาย ควรขอดูกล่องฟิลเลอร์ก่อนฉีด และให้แพทย์แกะกล่องพร้อมเปิดหลอดต่อหน้าเรา รวมถึงสามารถตรวจสอบเลขล็อตผลิตภัณฑ์ผ่านเว็บไซต์ อย. ได้

  • คลินิกต้องมีมาตรฐานและเครื่องมือช่วยชีวิตครบถ้วน
    เลือกคลินิกที่สะอาด ได้มาตรฐาน และมีการเตรียมพร้อมหากเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่น เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส สำหรับสลายฟิลเลอร์ฉุกเฉิน มีเครื่องวัดสัญญาณชีพ และมีระบบติดตามผลหลังฉีดอย่างต่อเนื่อง

  • ไม่ฉีดฟิลเลอร์ในที่ลับหรือกับหมอกระเป๋าเด็ดขาด
    ถึงแม้ราคาจะถูกกว่าแต่ความเสี่ยงสูงมาก ฟิลเลอร์ที่ใช้อาจเป็นของปลอม หรือฉีดโดยคนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจด้านกายวิภาค การฉีดแบบผิดชั้นผิวหรือเข้าสู่เส้นเลือดอาจทำให้เกิดอันตรายรุนแรงถึงขั้นตาบอดถาวรได้ครับ

วิธีหลีกเลี่ยงอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด

  • เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
    บริเวณใบหน้าเป็นจุดที่มีเส้นเลือดสำคัญอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณจมูก หน้าผาก และรอบดวงตา แพทย์เฉพาะทางจะมีความรู้ด้านกายวิภาค รู้ตำแหน่งเส้นเลือดสำคัญ และใช้เทคนิคที่แม่นยำเพื่อลดความเสี่ยงในการฉีดเข้าเส้นเลือดโดยไม่ตั้งใจครับ

  • ใช้เข็มชนิดทู่ แทนเข็มแหลมในบางตำแหน่ง
    เข็มทู่เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดโอกาสการแทงทะลุเส้นเลือดโดยตรง เพราะปลายเข็มจะไม่คมเหมือนเข็มแหลม ซึ่งช่วยให้ฉีดฟิลเลอร์ได้ปลอดภัยขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่มีเส้นเลือดจำนวนมาก เช่น ใต้ตา แก้ม หรือร่องแก้ม

  • ตรวจสอบฟิลเลอร์ทุกครั้งก่อนฉีด
    ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพผ่าน อย. ไทย และมีข้อมูลผลิตภัณฑ์ชัดเจน จะมีความปลอดภัยและโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำกว่า ควรขอดูกล่อง ดูชื่อรุ่น วันหมดอายุ และให้แพทย์แกะกล่องใหม่ต่อหน้าคุณทุกครั้งก่อนฉีด

  • ฉีดอย่างช้าและค่อยเป็นค่อยไป
    เทคนิคการฉีดอย่างช้าๆ ใช้แรงดันต่ำ จะช่วยลดโอกาสที่ฟิลเลอร์จะไหลเข้าเส้นเลือดได้ แม้ว่าเผลอฉีดใกล้จุดเสี่ยงก็ตาม แพทย์ที่มีประสบการณ์จะควบคุมจังหวะฉีดได้ดี ทำให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นครับ

  • ให้ความสำคัญกับอาการหลังฉีด
    หากหลังฉีดฟิลเลอร์มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดทันทีที่ฉีด ผิวเปลี่ยนสีเป็นม่วงคล้ำ เย็นหรือชา ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการอุดตันของเส้นเลือด และต้องใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส เพื่อสลายฟิลเลอร์อย่างเร่งด่วน

ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์กับ 42G?

เพราะที่ 42G เราให้ความสำคัญกับ “ความปลอดภัย” และ “ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ” เป็นอันดับหนึ่งครับ ไม่ใช่แค่ฉีดให้ดูดีชั่วคราว แต่เราวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โดยแพทย์จะประเมินปัญหาโครงหน้า ร่องลึก และสภาพผิวอย่างละเอียดก่อนเลือกชนิดของฟิลเลอร์และตำแหน่งการฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาพอดี บวมน้อยและอยู่ในรูปแบบที่เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด

ทุกเคสที่ 42G ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ใช้หมอกระเป๋า ไม่ใช้ของปลอม และใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. ไทย 100% พร้อมแกะกล่องให้ดูก่อนฉีดทุกครั้ง 

สรุป: ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด แก้ยังไง? เสี่ยงตาบอดจริงไหม?

การฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่งจนเข้าสู่เส้นเลือด ถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายและเสี่ยงต่อการตาบอดถาวร โดยเฉพาะถ้าฉีดในจุดเสี่ยงเช่น สันจมูก ระหว่างคิ้ว หรือรอบดวงตา เพราะเส้นเลือดในบริเวณนี้เชื่อมกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตาโดยตรง หากฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือดตรงนี้ อาจทำให้จอตาขาดเลือดและตาบอดได้ภายในไม่กี่นาทีครับ

หากเกิดเหตุการณ์ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด วิธีแก้ไขที่สำคัญที่สุดคือ การฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส อย่างเร่งด่วน เพื่อสลายฟิลเลอร์ให้เร็วที่สุด และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะการแก้ไขต้องแข่งกับเวลา ยิ่งฉีดสลายได้เร็ว โอกาสฟื้นฟูก็จะยิ่งสูง นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าติดตามอาการใกล้ชิดและอาจมีการให้ยาลดบวมหรือรักษาภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดร่วมด้วย

การเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เลือกคลินิกที่มีอุปกรณ์ครบ มีประสบการณ์รับมือกรณีฉุกเฉิน และใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เจอปัญหานี้ตั้งแต่แรกครับ

สนใจปลูกผมถาวร: 42G Clinic ปลูกผม

Facebook
Pinterest
Email

บทความล่าสุด

ปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามเพิ่มเติมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ เกี่ยวกับบริการศัลยกรรมความงามหลากหลายรูปแบบ ที่เน้นคุณภาพและการดูแลอย่างใส่ใจในทุกขั้นตอน