หลังฉีดฟิลเลอร์ แต่ละตำแหน่งบวมกี่วัน ? ฉีดกี่วันเห็นผล 2025

หลังฉีดฟิลเลอร์ แต่ละตำแหน่งบวมกี่วัน

หนึ่งในผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดหลังฉีดฟิลเลอร์ก็คืออาการบวม ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงวันแรกๆ แต่บางกรณีอาจพบว่าแม้เวลาจะผ่านไปแล้วหลายวัน อาการบวมก็ยังไม่ยุบจนหลายคนเริ่มกังวล โดยเฉพาะถ้าฉีดในจุดที่บวมง่าย เช่น ปาก คาง หรือใต้ตา จึงมีคำถามตามมาว่า หลังฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งจะบวมนานแค่ไหน? ต้องรอกี่วันถึงจะเห็นผลเข้าที่? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับระยะเวลาบวมของแต่ละจุด พร้อมวิธีดูแลตัวเองให้หายบวมเร็ว และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดครับ

ฉีดฟิลเลอร์คืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์ คือ การนำสารเติมเต็มเช่นกรดไฮยาลูรอนฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังหรือใต้ผิวหนัง เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ บนใบหน้า เช่น เติมร่องลึก ใต้ตาคล้ำ ร่องแก้ม คางสั้น หน้าผากแบน หรือปากบาง รวมถึงใช้ปรับรูปหน้าให้ดูละมุนขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

บทความน่าสนใจ เติมไขมันหน้า vs ฉีดฟิลเลอร์ แบบไหนเห็นผลดีกว่า แบบไหนเหมาะกับเรา

ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม?

ถ้าใช้ฟิลเลอร์ของแท้และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่อันตรายครับ เพราะฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ที่ใช้ในคลินิกมาตรฐานจะเป็นแบบที่สลายได้เองตามธรรมชาติ เช่นกรดไฮยาลูรอน ซึ่งปลอดภัยและได้รับการรับรองจาก อย. แต่ถ้าฉีดกับหมอกระเป๋า หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน อันนี้เสี่ยงมากครับ อาจเกิดปัญหาเป็นก้อน อักเสบ ฟิลเลอร์ไหล หรือถึงขั้นอุดตันเส้นเลือดได้เลย

บทความน่าสนใจ ฉีดไขมันหน้า อันตรายไหม เจาะลึก ข้อดี ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้า

อาการบวมจากการฉีดฟิลเลอร์มีกี่ประเภท?

โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ครับ ได้แก่:

1. บวมจากผลข้างเคียงที่ควรพบแพทย์

ถ้ามีอาการบวมที่ดูผิดปกติ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน เช่น การอุดตันเส้นเลือดหรือการติดเชื้อ

ลักษณะอาการที่ควรระวัง:

  • บวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด หลังฉีดฟิลเลอร์ อาจรู้สึกได้ว่าผิวตรงจุดที่ฉีดมีอาการบวมขึ้นเล็กน้อย คล้ายๆ เวลาที่เราฉีดยาหรือโดนเข็มทั่วไป เป็นการตอบสนองของร่างกายที่ปกติมากหลังมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ผิว
  • อาจมีรอยแดงหรือช้ำจางๆ ในบางคนอาจมีเส้นเลือดฝอยใต้ผิวแตกเล็กน้อยจากเข็ม ทำให้เกิดรอยแดงหรือจ้ำช้ำจางๆ ขึ้นมา ซึ่งพบได้บ่อยและไม่ได้อันตรายอะไร รอยเหล่านี้มักจางหายไปเองในไม่กี่วัน
  • ไม่เจ็บมาก และไม่มีอาการอื่นร่วม อาการบวมในกรณีนี้จะไม่ทำให้เจ็บปวดรุนแรง อาจแค่รู้สึกตึงๆ หรือรำคาญเล็กน้อย และจะไม่มีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดร้อน แดงมาก หรือไข้
  • มักหายภายใน 2–5 วัน อาการบวมเล็กน้อยแบบนี้มักจะค่อยๆ ลดลงและหายไปได้เองภายใน 2–5 วัน โดยไม่ต้องใช้ยา หรือทำอะไรเพิ่มเติมครับ

2. บวมจากผลข้างเคียงที่ควรพบแพทย์

ถ้ามีอาการบวมที่ดูผิดปกติ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน เช่น การอุดตันเส้นเลือดหรือการติดเชื้อ

ลักษณะอาการที่ควรระวัง (ควรพบแพทย์ทันที):

  • บวมมากผิดปกติหรือบวมลามเร็ว หากบริเวณที่ฉีดมีอาการบวมโตผิดปกติ หรือบวมลามขยายวงกว้างในเวลาไม่นาน อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบ ติดเชื้อ หรือปฏิกิริยารุนแรงจากร่างกาย ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ครับ
  • ปวดตุบๆ ร้อน แดงชัด หรือกดแล้วเจ็บ อาการปวดแบบเต้นๆ หรือบริเวณที่ฉีดมีความร้อนร่วมกับรอยแดงชัดเจน และเจ็บเมื่อสัมผัส อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบหรือการอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจจากแพทย์โดยด่วน
  • มีผื่นขึ้น เป็นตุ่มน้ำ หรือสีผิวคล้ำ/ม่วงบริเวณที่ฉีด หากผิวเริ่มมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีผื่นคัน ตุ่มน้ำใส หรือเปลี่ยนสีเป็นม่วงคล้ำ อาจเป็นสัญญาณของการแพ้ การไหลของฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด ต้องรีบปรึกษาแพทย์ทันที
  • มีไข้ หรือรู้สึกไม่สบายร่างกาย ถ้ามีไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อย หรือรู้สึกอ่อนเพลียร่วมกับอาการบวมแดง อาจหมายถึงร่างกายกำลังติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์โดยไม่รอให้แย่ลงครับ

หลังฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่ง บวมกี่วัน?

📍 ฟิลเลอร์ใต้ตา
บวมประมาณ 3–5 วัน ครับ บริเวณนี้ผิวบาง จึงอาจมีรอยช้ำหรือตึงๆ ได้บ้างในช่วงแรก

📍 ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
โดยทั่วไปบวมประมาณ 2–4 วัน และมักไม่บวมชัดมาก ใบหน้าจะเริ่มดูละมุนขึ้นตั้งแต่ช่วงแรก

📍 ฟิลเลอร์แก้มส้ม
อาจบวมเล็กน้อย 2–5 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีด และการตอบสนองของแต่ละคน

📍 ฟิลเลอร์หน้าผาก
บริเวณนี้อาจบวมได้นานกว่าเล็กน้อย โดยเฉลี่ย 5–7 วัน เพราะเป็นจุดที่เคลื่อนไหวง่าย และเนื้อเยื่อหนา

📍 ฟิลเลอร์ขมับ
มักบวมน้อย บางคนแทบไม่เห็นเลย แต่ถ้ามีก็จะหายภายใน 3–5 วัน ครับ

📍 ฟิลเลอร์ปาก
เป็นจุดที่บวมง่ายและบวมชัดที่สุด โดยปกติจะบวมประมาณ 3–7 วัน และจะค่อยๆ เข้าที่ภายใน 1 สัปดาห์

📍 ฟิลเลอร์คาง
บวมเบาๆ ประมาณ 2–4 วัน คางจะเริ่มเข้ารูปชัดขึ้นหลังผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ครับ

หลังฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่ง กี่วันเห็นผล? และอยู่ได้นานแค่ไหน?

ฟิลเลอร์ใต้ตา

กี่วันเห็นผล: หลังฉีดใต้ตาอาจมีอาการบวมหรือช้ำเล็กน้อยในช่วง 2–3 วันแรก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เมื่ออาการบวมยุบลงประมาณวันที่ 3–5 จะเริ่มเห็นผลชัดเจนว่าใต้ตาดูเต็ม สดใสขึ้น และไม่ลึกคล้ำเหมือนก่อน

อยู่ได้นานไหม: ฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ประมาณ 8–12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงพฤติกรรมส่วนตัว เช่น การพักผ่อน การดื่มน้ำ และการขยี้ตาบ่อยๆ ก็มีผลต่ออายุการคงอยู่ของฟิลเลอร์เช่นกันครับ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

กี่วันเห็นผล: ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นตั้งแต่หลังฉีดทันที แต่จะเข้าที่และดูเป็นธรรมชาติในช่วง 3–7 วัน หลังจากอาการบวมลดลง โดยจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนว่าร่องแก้มดูตื้นขึ้น หน้าดูสดใสและอ่อนวัยขึ้น
อยู่ได้นานไหม: ฟิลเลอร์ร่องแก้มมักอยู่ได้นาน 9–12 เดือน และสามารถเติมซ้ำได้หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ให้ยาวนาน

ฟิลเลอร์แก้มส้ม

กี่วันเห็นผล: บริเวณแก้มส้มจะเริ่มเห็นความละมุนของรูปหน้าได้ภายใน 3–5 วัน หลังฉีด เมื่ออาการบวมเริ่มยุบลง ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ อิ่มฟู และสดใสขึ้นทันที
อยู่ได้นานไหม: ฟิลเลอร์จุดนี้อยู่ได้นานพอสมควร โดยเฉลี่ยประมาณ 12–18 เดือน เพราะเป็นจุดที่ไม่ค่อยขยับหรือมีแรงกดมาก จึงเสื่อมสลายช้ากว่าบริเวณอื่นครับ

ฟิลเลอร์หน้าผาก

กี่วันเห็นผล: หลังฉีดจะเริ่มเห็นผลในช่วง 5–7 วัน เมื่ออาการบวมและตึงค่อยๆ ลดลง รูปหน้าผากจะดูโค้งมน นูนสวย และได้สัดส่วนกับใบหน้ามากขึ้น
อยู่ได้นานไหม: ฟิลเลอร์หน้าผากสามารถอยู่ได้นานถึง 12–18 เดือน หรือบางคนอาจอยู่นานถึง 2 ปี หากดูแลดี และใช้ฟิลเลอร์คุณภาพสูง

ฟิลเลอร์ขมับ

กี่วันเห็นผล: หลังฉีดขมับมักไม่ค่อยบวมมาก และจะเริ่มเห็นผลใน 3–5 วัน โดยเฉพาะคนที่ขมับตอบชัด จะสังเกตได้เลยว่าใบหน้าดูสมส่วนและละมุนขึ้น
อยู่ได้นานไหม: ฟิลเลอร์ขมับมักอยู่ได้ประมาณ 12–18 เดือน และถ้าเติมซ้ำตามระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้รูปหน้าคงสวยอย่างต่อเนื่องครับ

ฟิลเลอร์ปาก

กี่วันเห็นผล: ฟิลเลอร์ปากจะเริ่มเข้าที่ภายใน 5–7 วัน หลังจากที่อาการบวมเริ่มยุบ ซึ่งในช่วงแรกอาจดูปากบวมกว่าปกติ แต่หลังจากนั้นรูปทรงจะดูอวบอิ่มสวยเป็นธรรมชาติ
อยู่ได้นานไหม: เนื่องจากบริเวณปากมีการขยับบ่อย ฟิลเลอร์จะอยู่ได้น้อยกว่าจุดอื่น เฉลี่ยอยู่ที่ 6–9 เดือน ครับ

ฟิลเลอร์คาง

กี่วันเห็นผล: หลังฉีดคางจะเห็นรูปทรงชัดขึ้นตั้งแต่วันแรก และเข้าที่เต็มที่ในช่วง 3–5 วัน โดยคางจะดูยาวขึ้นอย่างสมส่วน ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเรียวและมีมิติมากขึ้น
อยู่ได้นานไหม: ฟิลเลอร์คางมักอยู่ได้ประมาณ 12–18 เดือน โดยขึ้นอยู่กับชนิดฟิลเลอร์ การใช้ชีวิต และปริมาณที่ฉีด

บทความน่าสนใจ ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน บวม ไม่สวย แก้อย่างไรได้บ้าง 2025

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

  1. งดจับ นวด หรือกดแรงบริเวณที่ฉีด
  • หลังจากฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์จะยังไม่เข้าที่ดีในช่วง 48–72 ชั่วโมงแรก และยังสามารถเคลื่อนตัวได้ หากมีแรงกด นวด หรือสัมผัสแรงๆ บริเวณที่ฉีด อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนผิดตำแหน่ง ไม่เรียบ หรือเกิดเป็นก้อน ซึ่งส่งผลต่อรูปทรงใบหน้า และอาจต้องแก้ไขใหม่ ควรหลีกเลี่ยงการจับหน้า ถูหน้า ล้างหน้าแรงๆ หรือแม้แต่การนอนคว่ำในช่วง 2–3 วันแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวและเข้าที่ได้อย่างสวยงามครับ

     

  1. หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดใน 48 ชั่วโมงแรก
  • ความร้อนในรูปแบบต่างๆ เช่น แดดจัด การซาวน่า อบไอน้ำ หรือแม้แต่การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจัด อาจมีผลต่อโครงสร้างของฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์บางชนิด โดยเฉพาะกรดไฮยาลูรอน อาจสลายเร็วหรือเกิดการเปลี่ยนรูปเมื่อสัมผัสความร้อน ทำให้ผลลัพธ์ไม่คงทน หรือไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้ งดซาวน่า อบไอน้ำ ออกแดดจัด และล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องแทนในช่วง 2 วันแรก และหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งนานๆ โดยไม่มีหมวกหรือร่มกันแดด

     

  1. งดออกกำลังกายหนัก 1–3 วัน
  • การออกกำลังกายทำให้หัวใจเต้นเร็ว ร่างกายร้อนขึ้น และมีแรงกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนไหว การไหลเวียนเลือดที่เพิ่มขึ้นอาจกระตุ้นให้เกิดการบวม ช้ำ หรือทำให้ฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี อีกทั้งเหงื่อและแรงกระแทกอาจรบกวนบริเวณที่ฉีด ควรงดกิจกรรมหนัก เช่น วิ่ง ยกเวท หรือคาร์ดิโออย่างน้อย 3 วัน และหากต้องการขยับตัว สามารถเลือกเดินเบาๆ หรือยืดเส้นเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโดยไม่กระทบกับฟิลเลอร์

     

  1. ประคบเย็นเบาๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก (ถ้ามีบวม/ช้ำ)
  • การประคบเย็นเป็นวิธีลดอาการบวม ช้ำ และอักเสบหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัย ความเย็นจะช่วยหดหลอดเลือด ลดการรั่วของเลือดใต้ผิวหนัง และชะลอการอักเสบ ทำให้แผลฟื้นตัวไวขึ้น ใช้เจลเย็นหรือผ้าเย็นห่อเจลประคบบริเวณที่บวมเบาๆ วันละ 2–3 ครั้ง ครั้งละ 10–15 นาที โดยไม่กดหรือถูแรงๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนในช่วงเวลาเดียวกัน

     

  1. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 3–7 วัน
  • แอลกอฮอล์และสารนิโคตินจากบุหรี่มีผลต่อการไหลเวียนเลือดและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย อาจทำให้เกิดการบวมมากกว่าปกติ ช้ำง่าย แผลหายช้า และลดประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และงดสูบบุหรี่ในช่วง 3–7 วันแรกหลังฉีด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วและฟิลเลอร์อยู่ได้นาน

     

  1. หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงทับบริเวณที่ฉีดในช่วง 3–5 วันแรก
  • การนอนในท่าที่มีแรงกดบนใบหน้าหรือบริเวณที่ฉีด อาจรบกวนตำแหน่งของฟิลเลอร์เพราะฟิลเลอร์ยังคงสามารถเคลื่อนตัวได้หากโดนกดทับ ทำให้รูปทรงใบหน้าเพี้ยนหรือไม่สมดุลได้ ควรนอนหงาย ใช้หมอนหนุนให้อยู่ในท่าที่สบาย และหลีกเลี่ยงการกอดหมอนหรือเอาหน้าแนบหมอนโดยตรงในช่วง 3–5 วันแรก

     

  1. งดแต่งหน้าหนักใน 24 ชั่วโมงแรก
  • การแต่งหน้าอาจมีแรงสัมผัสกับใบหน้า รวมถึงมีโอกาสให้สิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียเข้าสู่รูขุมขน
    ช่วงแรกหลังฉีด ผิวยังเปิดและบอบบาง หากใช้เครื่องสำอางหรือแปรงแต่งหน้าสัมผัสแรงๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือติดเชื้อได้ ควรงดแต่งหน้าในวันแรก และหากจำเป็นจริงๆ แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม และหลีกเลี่ยงการใช้แปรงหรือพัฟแรงๆ บริเวณที่ฉีด

     

  1. ทานยาและดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • แพทย์อาจให้ยาแก้บวม ยาฆ่าเชื้อ หรือเจลลดอาการอักเสบเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้น การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำอาจทำให้แผลหายช้าหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ หรืออาการอักเสบซ้ำ ทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งทุกมื้อ ห้ามหยุดยาเอง และหากมีอาการผิดปกติให้ติดต่อกลับคลินิกทันที

     

  1. เข้ามาติดตามผลตามนัดที่แพทย์กำหนด
  • การเข้าพบแพทย์ตามนัดเป็นขั้นตอนสำคัญหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้แพทย์ตรวจเช็กว่าฟิลเลอร์เข้าที่ดีหรือไม่ มีอาการบวมผิดปกติ หรือมีภาวะแทรกซ้อนหรือเปล่า หากพบปัญหาเล็กน้อยก็สามารถแก้ไขได้ทันที อย่าลืมกลับมาตรวจตามนัด และควรแจ้งอาการใดๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลังฉีดให้แพทย์ทราบอย่างละเอียดครับ

เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ให้ปลอดภัย?

การฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่สวย ดูเป็นธรรมชาติ และไม่เสี่ยงต่อการต้องขูดออกทีหลัง สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ครับ ซึ่งคุณสามารถพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้ได้:

คลินิกต้องมีใบอนุญาตถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข
สามารถตรวจสอบชื่อคลินิกได้จากเว็บไซต์ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อความมั่นใจว่าไม่ใช่คลินิกเถื่อน

แพทย์ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง และมีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์
ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ พร้อมรีวิวผลงานจริง มีความเข้าใจโครงสร้างใบหน้า และเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะกับปัญหาของเราได้

ใช้ฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น (ผ่าน อย. ไทย)
ควรมีฉลากภาษาไทย เลขล็อต วันหมดอายุ และกล่องอยู่ในสภาพใหม่ แนะนำให้ขอดูฟิลเลอร์ก่อนฉีด และให้คลินิกถ่ายรูปกล่องไว้เป็นหลักฐานร่วมด้วย

สถานที่สะอาด ปลอดเชื้อ มีอุปกรณ์ครบครัน
เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังฉีด คลินิกควรดูแลความสะอาดของเครื่องมือและห้องหัตถการอย่างเหมาะสม

มีการติดตามผลหลังทำ และให้คำแนะนำที่ชัดเจน
คลินิกที่ดีจะไม่ปล่อยให้ลูกค้าทำเสร็จแล้วหายไป แต่จะมีการนัดติดตามผลหลังฉีด และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง

ฉีดฟิลเลอร์ที่ 42G Clinic ดีอย่างไร ?

​การฉีดฟิลเลอร์ที่ 42G Clinic มีข้อดีหลายประการที่ทำให้คุณมั่นใจและได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ดังนี้ครับ:​

  • วิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียด
    แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินโครงสร้างใบหน้าและปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ​

  • วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
    กำหนดปริมาณฟิลเลอร์ จุดฉีด และรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ​

  • ใช้เทคนิคการฉีดที่แม่นยำและปลอดภัย
    แพทย์มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคที่ลดโอกาสเกิดรอยช้ำหรือบวม ทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวสม่ำเสมอและดูเป็นธรรมชาติ​

  • ฟิลเลอร์แท้ผ่านมาตรฐาน
    คลินิกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากอย. และมีคุณภาพสูง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ยาวนาน​

  • คลินิกสะอาดและได้มาตรฐาน
    สถานที่ให้บริการมีความสะอาด ปลอดเชื้อ และมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ทำให้คุณรู้สึกสบายใจเมื่อเข้ารับบริการ​

  • ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    ทุกขั้นตอนดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทาง ทำให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้​

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การฉีดฟิลเลอร์ที่ 42G Clinic จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เติมเต็มริ้วรอย หรือเสริมความงามด้วยฟิลเลอร์อย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจครับ

สรุป หลังฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งในปี 2025

อาการบวมมักอยู่ในช่วงประมาณ 2–7 วัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด เช่น ปากจะบวมนานกว่าบริเวณอื่นเล็กน้อย ส่วนตำแหน่งอย่างร่องแก้มหรือขมับบวมเพียงไม่กี่วันก็เริ่มเข้าที่แล้วครับ โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วง 3–7 วันแรก และฟิลเลอร์จะค่อยๆ เข้าที่เต็มที่ภายใน 1–2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและกลมกลืนกับรูปหน้าอย่างชัดเจนครับ

สนใจปลูกผมถาวร: 42G Clinic ปลูกผม

Facebook
Pinterest
Email

บทความล่าสุด

ปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามเพิ่มเติมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ เกี่ยวกับบริการศัลยกรรมความงามหลากหลายรูปแบบ ที่เน้นคุณภาพและการดูแลอย่างใส่ใจในทุกขั้นตอน