ฟิลเลอร์ 1 CC เพียงพอไหม? ใช้เติมเต็มจุดไหนได้บ้าง? เห็นผลไหม

ฟิลเลอร์ 1 CC เพียงพอไหม

“1 CC” ตัวเลขเล็กๆ แต่ผลลัพธ์ไม่เล็กเลยครับ! หลายคนอาจเข้าใจว่าการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ให้เห็นผลชัด ต้องใช้เยอะๆ เท่านั้นถึงจะเปลี่ยนใบหน้าได้ แต่จริงๆ แล้วความงามไม่จำเป็นต้องพึ่งปริมาณเสมอไปครับ ศาสตร์ของการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์อยู่ที่ความแม่นยำ—รู้ว่าตรงไหนควรเติมแค่ไหนถึงจะดูดี เป็นธรรมชาติ และไม่โป๊ะ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับพลังของโปรแกรมฟิลเลอร์เพียง 1 CC ว่าสามารถเปลี่ยนลุค เติมมิติ และปรับจุดเล็กๆ บนใบหน้าให้ดูละมุนขึ้นได้ยังไง และทำไมในบางครั้ง “การเติมน้อยๆ แบบมีชั้นเชิง” ถึงให้ผลลัพธ์ที่ดูดีที่สุดครับ

โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC ปริมาณเท่าไหร่

โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC คือปริมาณมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปในการฉีดเสริมจุดต่างๆ บนใบหน้าครับ โดยคำว่า “1 CC” ย่อมาจาก 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือเทียบเท่ากับ 1 มิลลิลิตร (ml) ซึ่งถ้าพูดให้เห็นภาพชัดๆ ก็คือปริมาณเท่ากับขนาดของเมล็ดองุ่น 1 เมล็ดเล็กๆ เท่านั้นเองครับ

แม้จะดูเป็นปริมาณที่น้อย แต่โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC ถ้าใช้ถูกจุดและฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงรูปหน้าได้ชัดเจน เช่น เติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มขึ้น เติมใต้ตาให้ดูสดใสขึ้น หรือปรับคางให้ดูเรียวได้แบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้ปริมาณมากเลยครับ

ดังนั้นอย่าคิดว่าโปรแกรมฟิลเลอร์ต้องใช้เยอะเสมอไปนะครับ เพราะบางครั้งแค่ 1 CC ก็เพียงพอที่จะสร้างความต่างให้ใบหน้าดูละมุนขึ้นได้แล้วครับ

บทความน่าสนใจ เติมไขมันหน้า vs ฉีดฟิลเลอร์ แบบไหนเห็นผลดีกว่า แบบไหนเหมาะกับเรา

1 cc กับ 1 ml เท่ากันหรือไม่

คำตอบคือ… เท่ากันครับ! 😊

1 cc (ลูกบาศก์เซนติเมตร) กับ 1 ml (มิลลิลิตร) คือหน่วยวัดปริมาตรที่มีค่าเท่ากันเป๊ะเลยครับ
ในทางคณิตศาสตร์และทางการแพทย์:

1 cc = 1 ml

เพราะฉะนั้นเวลาเราได้ยินว่า “ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ 1 cc” หรือ “ใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 ml” นั่นคือปริมาณเดียวกันครับ เพียงแค่ใช้ชื่อเรียกต่างกัน ซึ่งในวงการความงามหรือทางการแพทย์มักจะใช้คำว่า “cc” มากกว่าเพราะดูเข้าใจง่ายเวลาพูดถึงปริมาณที่ใช้ในการฉีดครับ

โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC เพียงพอไหม

หมอขอบอกเลยว่า… เพียงพอหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด และเป้าหมายของคุณครับ

สำหรับจุดเล็กๆ อย่าง ใต้ตา หรือ ริมฝีปาก
โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ เพราะเป็นบริเวณเล็กที่ต้องการเพียงการเติมเล็กน้อยเพื่อให้ดูสดใสขึ้น เช่น ใต้ตาอาจใช้ข้างละ 0.5 cc หรือริมฝีปากก็สามารถฉีดให้ดูอวบอิ่มขึ้นได้โดยใช้แค่ 1 cc รวมทั้งปากบนและล่าง

แต่ถ้าเป็นบริเวณที่ต้องใช้การปรับโครงสร้าง เช่น คาง หน้าผาก หรือแก้มส้ม
บางครั้งโปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC อาจยังไม่พอที่จะเห็นผลชัดเจนครับ โดยเฉพาะถ้าต้องการให้หน้าดูเรียวยาวขึ้น หรือเติมให้หน้าผากโค้งมีมิติ อาจต้องใช้มากกว่า 1 cc เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและกลมกลืนกับรูปหน้าทั้งหมด

โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดจุดไหนได้บ้าง

โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC แม้จะดูเป็นปริมาณน้อย แต่ถ้าใช้ให้ถูกตำแหน่งและวางแผนอย่างเหมาะสม ก็สามารถเปลี่ยนใบหน้าให้ละมุนขึ้นได้แบบชัดเจนเลยครับ หมอว่าโปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะกับจุดเล็กๆ หรือจุดที่ต้องการปรับเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะในคนที่อยากลองเริ่มต้นแบบปลอดภัยก่อน มาดูกันครับว่า 1 CC สามารถใช้กับจุดไหนได้บ้าง:

  1. แก้มส้ม
    ถ้าเป็นเคสที่ต้องการเพิ่มความละมุนเล็กน้อย ให้หน้าดูมีวอลลุ่มขึ้นแบบธรรมชาติ หมอสามารถใช้ 1 CC เติมข้างเดียวได้ หรือแบ่งซ้าย-ขวาครึ่งต่อข้าง เพื่อช่วยให้หน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้นครับ
  2. ใต้ตา
    จุดนี้นิยมใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ข้างละ 0.5 CC รวมเป็น 1 CC ทั้งสองข้างพอดี เหมาะกับคนที่มีเบ้าตาลึก ร่องใต้ตาชัด หรืออยากลดความหมองคล้ำแบบไม่ต้องผ่าตัด
  3. ร่องแก้ม
    ในรายที่ร่องไม่ลึกมาก 1 CC ก็พอช่วยให้ร่องดูตื้นขึ้น ทำให้หน้าดูซอฟต์ลงได้ครับ โดยปกติหมอจะใช้กระจายทั้งสองข้างเพื่อให้ดูสมดุล
  4. ปาก
    1 CC สามารถใช้เติมทั้งปากบนและล่างได้ เหมาะกับคนที่อยากให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้น หรือแก้ปัญหาปากบาง ปากไม่สมดุล โดยยังคงความธรรมชาติ
  5. คาง
    สำหรับคนที่คางสั้นหรืออยากเติมปลายคางให้ดูยาวขึ้นเล็กน้อย 1 CC ก็สามารถเห็นผลได้ครับ ให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้นโดยไม่เวอร์เกินไป
  6. หน้าผาก
    หากต้องการเติมแบบเบาๆ เพื่อให้หน้าผากดูโค้งมนขึ้น หมอสามารถเริ่มที่ 1 CC ได้ครับ โดยมักใช้ในเคสที่หน้าผากไม่ได้แฟบมาก และต้องการเพียงการปรับทรงเล็กน้อย
  7. ขมับ
    ในกรณีที่ขมับตอบเล็กน้อย สามารถใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดข้างเดียว หรือแบ่งสองข้างก็ได้ เพื่อให้หน้าดูเต็มขึ้นจากด้านข้าง ลดความโทรม และเสริมใบหน้าให้ดูสมดุลครับ

โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC เห็นผลแค่ไหน

หลายคนอาจคิดว่าโปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC เป็นปริมาณที่น้อยเกินไป แต่จริงๆ แล้ว ถ้าใช้ให้ถูกจุดและวางแผนดี ก็สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนครับ โดยเฉพาะในบริเวณเล็กๆ อย่างใต้ตา ริมฝีปาก หรือคาง ที่ต้องการการเติมแบบพอดีๆ เพื่อให้หน้าดูละมุน สดใสขึ้น โดยไม่ดูเยอะเกินไป

หมอว่าโปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะกับคนที่อยากเริ่มต้นแบบธรรมชาติ ลองก่อนว่ารูปหน้าจะเปลี่ยนแค่ไหน และบางครั้งแค่เติมนิดเดียวในจุดที่ใช่ ก็ทำให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้นได้ทันทีครับ แต่ถ้าเป็นจุดที่ต้องการวอลลุ่มเยอะ หรือมีร่องลึกชัดเจน เช่น ขมับหรือหน้าผาก อาจต้องใช้มากกว่า 1 CC ถึงจะเห็นผลชัดเจนครับ

สุดท้ายแล้ว การเห็นผลมากหรือน้อยไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ปริมาณ แต่ขึ้นอยู่กับ “วางให้ถูกจุดหรือเปล่า” และ “ออกแบบโดยหมอที่เข้าใจโครงหน้าหรือไม่” ครับ

ข้อดีของการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC

  1. เห็นผลชัดเจนในจุดเล็กๆ โดยไม่ต้องใช้เยอะ
    โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC สามารถเปลี่ยนแปลงใบหน้าได้ทันทีเมื่อใช้ในจุดที่เหมาะสม เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือริมฝีปาก ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องฉีดหลายจุดครับ
  2. เหมาะกับคนที่อยากเริ่มต้นลองฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์
    หลายคนอยากลองแต่กลัวเปลี่ยนเยอะเกินไป การเริ่มจาก 1 CC เป็นจุดเริ่มต้นที่ปลอดภัยและวางแผนต่อได้ง่ายครับ
  3. ให้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ ไม่เว่อร์ ไม่โป๊ะ
    การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ในปริมาณน้อยจะทำให้ใบหน้าดูละมุน ไม่ดูบวมเกิน หรือเปลี่ยนแปลงจนคนรอบข้างตกใจครับ เหมาะกับสายมินิมอลหรือคนที่ชอบลุคเป็นธรรมชาติ
  4. ใช้งบประมาณน้อยกว่าการฉีดหลายจุด
    เพราะใช้เพียง 1 CC ทำให้ราคาไม่สูงเกินไป เหมาะกับคนที่มีงบจำกัดหรืออยากค่อยๆ ปรับรูปหน้าแบบเป็นขั้นตอนครับ
  5. ลดความเสี่ยงจากอาการบวม ช้ำ หรือผลข้างเคียงอื่นๆ
    การใช้ในปริมาณน้อยจะลดแรงกดบนผิว ทำให้บวมน้อย เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็วกว่าแบบฉีดหลาย CC ครับ
  6. สามารถประเมินผลก่อนวางแผนฉีดเพิ่มเติมได้
    หลังฉีด 1 CC แล้ว สามารถรอดูผลลัพธ์ได้ภายใน 7–14 วัน แล้วค่อยกลับมาปรึกษาหมอเพื่อเติมจุดอื่นหรือปรับจุดเดิมให้สวยพอดีครับ
  7. เหมาะกับคนที่ต้องการ “เก็บรายละเอียด” บางจุด
    เช่น คนที่เคยฉีดมาแล้วและต้องการเติมเล็กน้อยให้รูปหน้าสมดุลมากขึ้น ก็สามารถใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยปรับจุดเล็กๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติครับ
  8. ใช้เทคนิคฉีดแบบละเอียดได้ง่ายขึ้น
    เพราะหมอจะวางแผนการฉีดอย่างรอบคอบ ทำให้โปรแกรมฟิลเลอร์ถูกกระจายอย่างเหมาะสม ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาละมุน ไม่เป็นก้อน และดูเนียนกับผิวครับ
  9. เหมาะสำหรับคนที่อยากฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์แบบไม่ต้องพักฟื้นนาน
    เนื่องจากใช้ปริมาณน้อย จึงแทบไม่มีอาการบวมมากหรือช้ำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติภายใน 1–2 วันครับ

โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC อยู่ได้นานแค่ไหน

โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC จะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ทั้ง ตำแหน่งที่ฉีด ชนิดของโปรแกรมฟิลเลอร์ที่ใช้ และ การดูแลตัวเองหลังทำ แต่โดยทั่วไปแล้ว โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC ที่เป็นชนิด Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นโปรแกรมฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันในคลินิกความงาม มักจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ครับ

📍 ตำแหน่งที่ฉีดมีผลต่ออายุของโปรแกรมฟิลเลอร์
– ถ้าฉีดในจุดที่ไม่ค่อยขยับ เช่น ขมับ คาง หรือใต้ตา โปรแกรมฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานกว่า
– แต่ถ้าฉีดในจุดที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปาก หรือร่องแก้ม โปรแกรมฟิลเลอร์อาจสลายเร็วขึ้นครับ

📍 ชนิดของโปรแกรมฟิลเลอร์
โปรแกรมฟิลเลอร์แต่ละแบรนด์มีความคงตัวต่างกัน เช่น Juvederm, Restylane หรือ Belotero บางรุ่นอยู่ได้นานถึง 12–18 เดือน โดยเฉพาะถ้าใช้รุ่นที่มีความหนืดสูง

📍 การดูแลตัวเองหลังฉีด
หลีกเลี่ยงความร้อนจัด ออกกำลังกายหนักเกินไป หรือการสัมผัสบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ จะช่วยยืดอายุของโปรแกรมฟิลเลอร์ได้ครับ รวมถึงดื่มน้ำให้เพียงพอ ก็จะช่วยให้เนื้อโปรแกรมฟิลเลอร์คงตัวดีขึ้นอีกด้วย

วิธีการดูโปรแกรมฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย

ก่อนฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ หลายคนอาจกังวลว่า “ของที่หมอใช้เป็นของแท้รึเปล่านะ?” เพราะเดี๋ยวนี้ของปลอมระบาดเยอะมากครับ ถ้าเผลอไปฉีดของไม่แท้ อาจเกิดปัญหาตามมา ทั้งบวม อักเสบ เป็นก้อน หรือที่แย่ที่สุดคือ เนื้อตาย เลยก็มี หมอเลยรวมวิธีดูง่ายๆ ไว้ให้เลยครับ เพื่อให้คุณมั่นใจก่อนตัดสินใจฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ทุกครั้ง

  1. ดูเลข อย. ไทย บนกล่องก่อนเสมอ
    โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยต้องมีเลข อย. ที่สามารถตรวจสอบได้จริง เข้าเว็บของ อย. แล้วใส่เลขไปเช็กได้เลย ถ้าไม่มีเลข อย. หรือเลขดูแปลกๆ อย่าเสี่ยงครับ
  2. กล่องต้องใหม่ แพ็กแน่น ไม่ถูกเปิดมาก่อน
    หมอที่ใช้ของแท้จริง ๆ จะเปิดกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้าคุณเลยครับ ถ้าเข็มดูดมาแล้ว หรือกล่องถูกเปิดไว้ก่อน ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจไม่ใช่ของแท้
  3. มีฉลากครบ: ชื่อแบรนด์ วันหมดอายุ เลขล็อต
    อย่าลืมมองหาฉลากพวกนี้บนกล่องนะครับ เพราะเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเป็นของจริง และช่วยให้คุณตรวจสอบย้อนหลังได้ ถ้าฉลากซีดจาง ดูไม่ค่อยชัด หรือพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ก็ไม่น่าไว้ใจครับ
  4. ยี่ห้อต้องเป็นแบรนด์ที่รู้จักในวงการ
    แบรนด์ที่ปลอดภัยและนิยมใช้กันในคลินิกจริงๆ เช่น Juvederm, Restylane, Belotero, Neuramis, Revanesse พวกนี้มีมาตรฐานระดับสากล และผ่าน อย. ไทยหมดครับ
  5. ขอหมอถ่ายรูปหรือเก็บกล่องไว้ก็ได้
    หลังฉีด อย่าลืมขอถ่ายรูปฉลาก หรือขอกล่องกลับบ้านไว้เป็นหลักฐานด้วยนะครับ หมอที่น่ารักจริงๆ ยินดีให้แน่นอน ไม่มีอะไรต้องปิดบังเลยครับ

 

บทความน่าสนใจ ฉีดไขมันหน้า อันตรายไหม เจาะลึก ข้อดี ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้า

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC

  1. ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC เห็นผลไหม?
    เห็นผลแน่นอนครับ โดยเฉพาะถ้าใช้ในจุดที่เหมาะสม เช่น ใต้ตา คาง หรือริมฝีปาก แค่ 1 CC ก็สามารถเปลี่ยนลุคให้หน้าดูสดใสขึ้นได้เลยครับ ทั้งนี้ผลลัพธ์จะชัดแค่ไหนขึ้นอยู่กับโครงหน้าเดิมและเทคนิคของคุณหมอด้วยครับ
  2. โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดได้กี่ครั้ง?
    โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC คือปริมาณต่อ “1 เข็ม” หรือ “1 ครั้ง” ครับ หมายถึงฉีด 1 ครั้งใช้หมดในรอบเดียว ไม่ใช่แบ่งเก็บไว้ฉีดหลายรอบ เพราะโปรแกรมฟิลเลอร์ที่เปิดแล้วควรใช้ให้หมดทันที เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและคงคุณภาพของยาให้ดีที่สุดครับ
  3. ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC แตกต่างกับ 2 CC อย่างไร?
    ต่างกันที่ “ปริมาณ” และ “ผลลัพธ์” ครับ 1 CC จะให้ผลลัพธ์แบบเบาๆ เป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่เริ่มต้นหรืออยากเก็บรายละเอียดบางจุด ส่วน 2 CC จะเหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าชัดเจนขึ้น หรือเติมหลายจุดพร้อมกันครับ
  4. โปรแกรมฟิลเลอร์ 1 CC แต่ละจุดใช้ยี่ห้อเดียวกันได้หรือไม่?
    ในบางกรณีใช้ยี่ห้อเดียวกันได้ครับ โดยเฉพาะถ้าเป็นบริเวณที่ใกล้กัน แต่หมอบางท่านอาจเลือกใช้ต่างยี่ห้อหรือคนละรุ่น เพื่อให้เหมาะกับเนื้อโปรแกรมฟิลเลอร์ในแต่ละจุด เช่น ใต้ตาอาจใช้เนื้อนิ่ม ส่วนคางอาจใช้เนื้อแข็ง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยและอยู่ตัวครับ
  5. ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์มากกว่า 1 CC อันตรายไหม?
    ไม่อันตรายครับ ถ้าฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ใช้เทคนิคถูกต้อง และเลือกตำแหน่งเหมาะสม โปรแกรมฟิลเลอร์หลาย CC อาจจำเป็นในกรณีปรับรูปหน้าเยอะ เช่น เติมแก้ม ขมับ หรือหน้าผากพร้อมกัน ซึ่งหากวางแผนดี จะให้ผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัยครับ

 

บทความน่าสนใจ ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด เกิดขึ้นได้จริงไหม และมีวิธีป้องกันอย่างไร?

วิธีเลือกหมอ

การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่สวย ดูเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญคือ ปลอดภัย ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ที่โปรแกรมฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนหรือกี่ cc เท่านั้นนะครับ แต่ “หมอที่ฉีด” ก็เป็นหัวใจหลักที่สำคัญมากเลยครับ เพราะถึงจะใช้ของแท้ แต่ถ้าเทคนิคไม่ดี ก็อาจทำให้หน้าผิดรูป เป็นก้อน หรือแย่กว่านั้นคือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เลยครับ

มาดูกันว่าควรเลือกหมออย่างไรให้มั่นใจว่าเราจะอยู่ในมือที่ดีครับ:

  1. ตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพของแพทย์
    หมอที่ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ควรเป็นแพทย์จริง มีใบประกอบวิชาชีพ และสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์แพทยสภา ถ้าเจอคลินิกที่ไม่แสดงชื่อหมอ หรือไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนฉีด อันนี้ควรระวังไว้ก่อนเลยครับ
  2. ดูประสบการณ์เฉพาะทางของหมอคนนั้น
    ไม่ใช่หมอทุกคนจะฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ได้ดีเท่ากันครับ หมอที่เชี่ยวชาญด้านความงามโดยเฉพาะ หรือมีประสบการณ์ในการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์มาหลายปี มักจะเข้าใจสรีระใบหน้า รู้ว่าจะฉีดจุดไหน ใช้กี่ cc ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่สวยและไม่เกินพอดีครับ
  3. ขอรีวิวผลงานก่อน-หลังของหมอคนนั้น
    รีวิวจากเคสจริงจะช่วยให้เรามั่นใจได้มากขึ้นว่าหมอมีฝีมือ และผลงานที่ออกมาตรงกับสไตล์ที่เราต้องการไหม ถ้าเป็นคลินิกที่ดี มักจะมีภาพ Before-After ของคนไข้จริงให้ดูครับ
  4. หมอให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา
    หมอที่ดีจะไม่เร่งขาย ไม่พูดเกินจริง และจะอธิบายความเหมาะสมให้เราเข้าใจอย่างชัดเจนครับ เช่น บอกได้ว่าควรฉีดกี่ cc ใช้โปรแกรมฟิลเลอร์รุ่นไหน เหมาะกับรูปหน้าหรือเปล่า และที่สำคัญคือ บางครั้งหมอที่ดีจะกล้าบอกว่า “ยังไม่ควรฉีด” ถ้าเคสของเรายังไม่จำเป็นครับ
  5. ฉีดโดยหมอเอง ไม่ใช่พนักงานหรือบุคคลแอบอ้าง
    ข้อนี้สำคัญมากครับ ควรมั่นใจว่าคนที่ฉีดให้เราคือแพทย์จริงๆ เท่านั้น อย่าฉีดกับพนักงาน หรือหมอเถื่อนเด็ดขาด เพราะเสี่ยงอันตรายมาก

ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ที่ไหนดี

การเลือกคลินิกสำหรับฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ไม่ใช่แค่ดูโปรโมชั่นหรือราคาถูกที่สุด แต่ควรเลือกจากความเชี่ยวชาญของแพทย์ คุณภาพของโปรแกรมฟิลเลอร์ และความปลอดภัยของคลินิกเป็นหลักครับ คลินิกที่น่าเชื่อถือควรมีใบอนุญาตถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข ใช้โปรแกรมฟิลเลอร์แท้ผ่าน อย. ไทย และมีรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการ ที่สำคัญควรให้คำปรึกษาโดยแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง เพื่อวางแผนการฉีดให้เหมาะกับรูปหน้าและความต้องการของแต่ละคน หากคุณยังลังเลว่าจะเลือกที่ไหนดี ลองเปรียบเทียบจากผลงานของแพทย์ ความโปร่งใสของคลินิก และความรู้สึกไว้ใจเมื่อเข้าไปปรึกษาก็เป็นอีกตัวช่วยที่ดีครับ

สรุป ควรฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์กี่ CC ที่เหมาะสม

จำนวน CC ที่เหมาะสมในการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์นั้นไม่มีตัวเลขตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด สภาพปัญหา และผลลัพธ์ที่แต่ละคนต้องการครับ บางจุดเช่น ใต้ตา ริมฝีปาก หรือคาง อาจใช้เพียง 1 CC ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน ในขณะที่จุดที่ต้องการวอลลุ่มมาก เช่น แก้ม ขมับ หรือหน้าผาก อาจต้องใช้ 2–4 CC หรือมากกว่านั้นเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมดุล หมอแนะนำว่า ทางที่ดีที่สุดคือควรให้แพทย์ประเมินเคสแบบรายบุคคล เพื่อวางแผนการใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ให้พอดี ดูเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยที่สุดครับ

สนใจปลูกผมถาวร: 42G Clinic ปลูกผม

Facebook
Pinterest
Email

บทความล่าสุด

ปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามเพิ่มเติมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ เกี่ยวกับบริการศัลยกรรมความงามหลากหลายรูปแบบ ที่เน้นคุณภาพและการดูแลอย่างใส่ใจในทุกขั้นตอน